ผมไม่อยากเขียนถึงอาร์เซนอลตั้งแต่เกมจบใหม่ๆ เพราะดูการแข่งขันที่แพ้ให้กับเชลซี 0-2 ด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากแฟนๆ ส่วนใหญ่คือหงุดหงิดมากถึงมากที่สุด

ตอนนี้แม้ผ่านมา 2-3 วัน แต่ยอมรับว่ายังโมโหกับผลงานสุดอนาถ

ที่จริงการแพ้ต่อทีมที่มีดีกรีเป็นแชมป์ยุโรปและก้มหน้ายอมรับความจริงที่ว่าพวกเขามีนักเตะคุณภาพดีกว่านั้น มันไม่มีอะไรเสียหาย
เพียงแต่การแพ้ชนิดหมดทางสู้ เหมือนเด็กประถมเจอกับนักเตะอาชีพแบบนี้ มันเจ็บปวดระดับที่คนไม่ใช่แฟน “ปืนใหญ่” คงไม่เข้าใจ

อย่างที่เคยพูดไปว่าจากทีมที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรไร้พ่าย 49 นัด วันนี้กลับกลายเป็นทีมธรรมดาด ๆ ที่ไร้อนาคต

อาร์เซนอล แพ้รวด 2 นัดแรก แบบยิงประตูไม่ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ทางตัวเลขดูว่าแย่แล้วแต่ฟอร์มการเล่นแย่ยิ่งกว่า

อาร์เตตา แพ้เป็นนัดที่ 20 จาก 60 นัด ขณะที่ อาร์แซน เวนเกอร์ กว่าจะแพ้ 20 นัดก็ปาเข้าไป 116 นัด

ท่ามกลางแฟนบอลเต็มสนาม นักเตะอาร์เซนอลเล่นกันช่างไร้โคตรจิตวิญญาณโดยเฉพาะครึ่งแรก

บาการี ซานญา และ เอ็มมานูเอล เปอตีต์ บอกตอนพักครึ่งว่านี่คือ อาร์เซนอล ที่ไม่มี DNA อาร์เซนอลอีกแล้ว หลายเกมที่ดูก็รู้ว่าจะแพ้ ดูก็รู้ว่าจะเสียประตูแบบโง่ๆ

ครึ่งหลังอาจจะกลับทำได้ดีกว่าเดิม แต่ก็ยังดีไม่พอที่จะเจาะประตูฝ่ายตรงข้าม ซึ่งที่จริงผมว่าเชลซีก็ไม่ได้เล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดด้วยซ้ำ แต่อาร์เซนอลห่วยเอง

มันจึงไม่แปลกที่หลังเกมจะเห็นภาพแฟนบอลล้อมรถอาร์เตตา เห็นแฟนบางคนอัดคลิปด่าอาร์เตตาอย่างหงุดหงิดด้วยความจริงใจแบบไม่เสแสร้ง

เพราะนี่มันสุดจะทนจริงๆ

ไม่รู้ว่าบอร์ดบริหารจะต้องรอให้มันล่มจมไปขนาดไหน?

ซึ่งที่จริงแล้ว ผมว่าคนที่ควรโดนด่าไม่ใช่แค่อาร์เตตาคนเดียว บอร์ดบริหารก็ผิดพลาดในการทำงานเช่นกัน เผลอๆ อาจจะมากกว่าอาร์เตตาเสียอีก

2-3 ปีที่ผ่านมา ถ้าสังเกตุจะพบว่าภายในองค์กรมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งมากมาย ราอูล ซานเยฮี ออกไป ก่อนหน้านั้นสเวน มิสลินทัต ออกไป ฟรานซิส คาจิเกา ออกไป เฟรดดี ลุงเบิร์ก ออกไป แมวมองออกไปมากมาย หรือแม้แต่อันเดรียส จอร์กสัน โค้ชspecialistลูกตั้งเตะดึงมาอยู่ได้ไม่นานก็ออกไป

ไม่ว่าองค์กรไหนที่มีการเปลี่ยนถ่ายคนเข้าออกไม่หยุดขนาดนี้ ผมไม่คิดว่านี่คือองค์กรที่มีเสถียรภาพ แต่สะท้อนให้เห็นว่าเป็นองค์กรที่คงไม่มีความสุขเพราะ “หลายคนอยู่ไม่ได้”

นโยบายการซื้อขายก็ผิดพลาด สโมสรพยายามเซ็นสัญญาแต่ของถูกกี่คนต่อกี่คนแต่สุดท้ายกลายเป็นความเสียเปล่า

ลูคัส ตอร์ไรรา, มัตเตโอ เกว็นดูซี, โซคราติส, วิลเลียม ซาลิบา, วิลเลียน รวมๆ ยังมีมากมาย บ้างค่าตัวไม่มาก บ้างก็ฟรี แต่เอาเข้าจริงไม่มีประโยชน์ บ้างซื้อมาก็ไม่ใช้ พออุตส่าห์ทุ่มทุนจ่ายแพงอย่าง เปเป้ ก็โดนย้อมแมว หรือตัวดีๆ เอาออก กระจอกเก็บไว้ เช่น เอมิเลียโน มาร์ติเนซ เป็นต้น

เรื่องการบริหารก็ส่วนหนึ่ง แต่ผลงานในสนามอย่างที่เห็น โรเมลู ลูกากู ทำเอา ปาโบล มารี ดูเป็นนักเตะเกรดบีมากขึ้นไปอีก เปเป้ ที่สิ้นเปลืองเวลาเปล่าทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

นอกจากเกมรับสุดปวกเปียกพร้อมเสียประตูตลอดเวลา ทางขวาโดนเจาะแล้วเจาะอีกก็ไม่รีบแก้ให้ดีขึ้น เกมรุกก็ตื้อตัน ไม่ใกล้เคียงสักครั้งที่จะได้ประตู

อาร์เตตา แก้ตัวว่าทีมอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ทั้งปัญหาโควิดและนักเตะบาดเจ็บมากมาย

เขาคงลืมไปว่าหน้าที่ของเขาก็คือการวางแผนและกระตุ้นนักเตะให้ทำผลงานดีที่สุดออกมา ไม่ว่าจะเหลือนักเตะกี่คน ถ้าทีมมันจะแย่ก็เพราะเขานั่นแหละที่เป็นคนจัดทีมและเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบ เขานั่นแหละที่วางแผนไม่ดีจนทีมแพ้หมดรูป

ฟอร์มการเล่นในสนามมันสะท้อนทุกอย่างออกมา

ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่ายุคมืดของอาร์เซนอลผ่านไปแล้วตอนที่ได้แชมป์ FA คัพครั้งล่าสุด

แต่ดูแล้วผมอาจคิดผิดเพราะสงสัยว่าตราบเท่าที่ตระกูลโครเอนเก้ยังเป็นผู้บริหาร

บางที “ยุคมืด” นี้อาจจะแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นก็เป็นได้.