แม้แต่เพื่อนร่วมรุ่นที่ 40 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ของลูกสาวพล.อ.ประยุทธ์ คงสุดจะทนเหมือนกัน เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ลงมติกัน 88 คน แล้วส่งจดหมายไปหาเพื่อน ประมาณว่าช่วยไปบอกให้คุณพ่อของเธอ “ลาออก” เสียที เรื่องดังกล่าวคงถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ เพราะโดยปกติเราน่าจะดีใจที่เพื่อนร่วมรุ่นสมัยเป็นนักศึกษามีคุณพ่อเป็นนายกรัฐมนตรี แต่นี่เพื่อน ๆ รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ถ้าปล่อยให้คุณพ่อของเธอบริหารประเทศต่อไป ดังนั้นจึงต้องส่งจดหมายไปบอกพ่อลาออกเถอะ
“สมบัติทัวร์–คาร์ม็อบ” จุดติด!
นอกจากอารมณ์คุกรุ่นของผู้คนในข้างต้นแล้ว ปัจจุบันพล.อ.ประยุทธ์ต้องเจอกับ “คาร์ม็อบ” (CAR MOB) ซึ่งจุดติดแล้ว! หลังจากมีผู้ดีไซน์ม็อบอย่างนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ “บก.ลายจุด” และสมาชิก “กลุ่มไทยไม่ทน” อุ่นเครื่องด้วยการจัดกิจกรรม “สมบัติทัวร์” มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.ค.64 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดูจะสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อประท้วงขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ให้ยุบสภา-ลาออกจากตำแหน่ง
จากจุดเริ่มต้น “สมบัติทัวร์” ของบก.ลายจุด กลายมาเป็น “คาร์ม็อบ” อย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ด้วยความเคลื่อนไหวของคาร์ม็อบ 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 ของบก.ลายจุด มีการตั้งขบวนบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตหน้าสนามบินดอนเมือง
กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดยนายพริษฐ์ (เพนกวิน) ชิวารักษ์ กลุ่มทะลุฟ้านำโดยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่-ดาวดิน) นัดทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วเคลื่อนขบวนไปสมทบกับคาร์ม็อบของ บก.ลายจุดบนถนนวิภาวดีรังสิต
กลุ่มที่ 3 คือเครือข่ายไล่ประยุทธ์ นำโดยมืออาชีพอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นัดกันบนถนนหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และสี่แยกราชประสงค์ โดยมุ่งหน้าถนนวิภาวดีเพื่อไปสมทบกับขบวนนายสมบัติเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายประชาชนอีกกว่า 30 จังหวัด ร่วมกันจัดกิจกรรมคาร์ม็อบเพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์กันอย่างคึกคักอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ ขอนแก่น อุบลราชธานี ลพบุรี พระนครศรี อยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี บางแสน (ชลบุรี) ฉะเชิงเทรา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นต้น
ถ้าไม่มีโควิดคนจะออกมาไล่ “ประยุทธ์” ล้นถนน!
นายณัฐวุฒิกล่าวไว้ในเฟซบุ๊ก ว่า “คาร์ม็อบ 1 ส.ค. คือพลังบริสุทธิ์มหาศาลที่ข้ามพ้นข้อจำกัดโรคระบาด เพื่อแสดงฉันทามติขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์พ้นตำแหน่งนายกฯ ภาพที่เกิดขึ้นย้ำชัดว่านี่คือสถานการณ์ไล่ประยุทธ์ ถ้าไม่มีโควิดคนจะล้นถนน ทั้งหมดเป็นวาระของประชาชนที่ผู้มีอำนาจต้องตระหนัก
พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งต่อนอกจากแก้ปัญหาเดิมไม่ได้ ยังทำให้ปัญหาใหม่ลงลึกและขยายตัวมากขึ้น การใช้กำลังกับผู้ชุมนุมบางส่วนในช่วงเย็นถึงค่ำคือการเพิ่มเงื่อนไขให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียด
การกล่าวอ้างว่ามีการยั่วยุเจ้าหน้าที่ไร้น้ำหนักทันทีเมื่อเห็นการปฏิบัติเกินเหตุ ทั้งยิงจากจุดสูงข่ม ยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง วิ่งเข้าใส่เหมือนเอาให้ตาย ใครขวางต้องเจ็บไม่สนใจว่าเป็นคนค้าขายหรือผ่านไปมา ท่าทางการยิงเล็งเป้าหวังผล ไม่ได้ยิงขู่ ไม่ใช่กึ่งยิงกึ่งผ่าน แต่ใครผ่านกูยิง
เรื่องแบบนี้ยอมรับไม่ได้และควรประณาม โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในรัฐบาลซึ่งสั่งให้ทำได้และจะสั่งให้หยุดก็ได้ สำหรับฝ่ายประชาชนก็มีข้อควรคิด คือชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่ารัฐต้องการสร้างแนวปะทะ การขึ้นที่สูงของกำลังตำรวจพร้อมปืนแก๊สน้ำตา คล้ายเหตุการณ์ปี 53 ที่ขณะนั้นใช้กำลังทหารอยู่บนตึกกับปืนติดกล้อง
จัดกิจกรรมแต่ละครั้งต้องรัดกุม ชัดเจน เริ่มเมื่อไหร่ ทำอะไรบ้าง และจบคือจบอย่างทรงพลัง การห้อยท้ายของพี่น้องจำนวนหนึ่งในพื้นที่เปราะบางเขาจะหาโอกาสเข้าตี และตีแตกทุกครั้งเพราะประชาชนไม่ได้เตรียมยุทธวิธีมาสู้รบ
ไม่ได้หมายความว่าต้องกลัว แต่ถ้าชนต้องมีความหมายและเตรียมการจนมั่นใจพอว่าชนได้ ในที่นี้หมายถึงตัวแบบการแหกฝ่าแนวกั้นซึ่งหลายครั้งหลายยุคทำได้เพราะมีการวางแผน
เมื่อวานในคลับเฮาส์พอได้ยินว่าพี่น้องบางส่วนจอดทำกิจกรรมหน้าราบ 1 ตนจึงพยายามประสานให้เคลื่อนต่อ เพราะใจห่วงว่าคาร์ม็อบจบแล้วจะไม่จบและเขาจะใช้กำลังสลาย เข้าใจดีว่าทุกคนเจ็บปวด หลายคนเจ็บแค้น แต่ตนยังยืนยันว่าแนวทางสันติวิธีเท่านั้นที่ชอบธรรมและประชาชนจะชนะได้ แต่สันติวิธีต้องออกแบบ เเค่ไหน อย่างไรต้องเข้าใจตรงกัน เป้าหมายชัด รุกได้ถอยได้เป็นขบวน
ตนคงพูดเยอะเกินไปแล้วแต่ขอให้เข้าใจว่าด้วยรัก ปรารถนาดี ไม่มีเจตนาก้าวก่ายหรือวางตนเหนือกว่า ตนเคยอยู่ท่ามกลางควันปืนคลื่นเลือด รู้ว่าคนพวกนี้อำมหิตเห็นชีวิตคนร่วงหล่นไม่ไยดี จากนี้ไปทุกอย่างจะแหลมคมมากขึ้น หวังว่าทุกขบวนจะเดินด้วยสติและปัญญาที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ปลอดภัยและสำเร็จ ส่วนเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) ตนขอเวลาทำงานอีกไม่กี่วันจะกำหนดรูปแบบการเคลื่อนไหว และนัดหมายแสดงพลังครั้งใหญ่ต่อไป”
ทั้งนี้นายณัฐวุฒิได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า “คาร์ม็อบ” เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา จะไม่ใช่ “คาร์ม็อบ” ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน แต่การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปจะเป็นไปในรูปแบบใด เมื่อไหร่ ตนขอคิดและวางแผนอีกครั้งเพื่อให้มีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น
นัด 7-10 ส.ค. ไม่สนประกาศห้ามชุมนุม!
ทีมข่าว 1/4 Special Report เข้าไปสำรวจความเคลื่อน ไหวตามเพจต่าง ๆ ล่าสุด พบหลายเพจนัดทำกิจกรรมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ในวันเสาร์ที่ 7 ส.ค.นี้ ขณะที่เพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ประกาศให้มวลชนเตรียมตัวให้พร้อม 10 สิงหานี้ พร้อมติด #ม็อบ10สิงหา #ประยุทธ์ออกไป
ท่ามกลางความเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นของ “คาร์ม็อบ” และม็อบเดินเท้าจากกลุ่มต่าง ๆ แต่เมื่อวันที่ 3 ส.ค.64 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศของ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ฉบับที่ 9
โดยให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 16 ก.ค. 64 และประกาศราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศห้ามชุมนุม หรือมั่วสุม ทั่วราชอาณาจักร ที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคโควิด-19 ฝ่าฝืนจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มีผลวันนี้ (3 ส.ค. 64) เป็นต้นไป
ต้องจับตาดูว่าการประกาศดังกล่าวของผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะหยุดสารพัดม็อบที่ออกมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ได้หรือไม่?.