ฮอตแบบถูกพูดถึงหนักมากสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Bangkok Breaking ฝ่านรกเมืองเทวดา ของ Netflix ที่บอกเลยว่าถูกใจสายระทึก สายลุ้นหนักมากและทำให้หลายคนรีวิวพร้อมพูดถึงผ่านโลกออนไลน์กันอย่างล้นหลาม ทั้งในแง่ของเนื้อหาที่ชวนตื่นเต้น แง่ของนักแสดงที่เหมาะสมกับบท ตลอดจนโปรดักชั่นและความสมจริงที่หลายคนชมรัวๆ งานนี้เพราะความฮอตของภาพยนตร์ดังกล่าวมีหรือที่ yimyim จะปล่อยผ่านไป เราจึงขอนัดแนะนักแสดงนำของเรื่องอย่างหนุ่มหล่อ เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ ตามด้วย ดู๋ สัญญา คุณากร และผู้กำกับคนดัง โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ มาเม้าท์การทำงานในเรื่องนี้สักหน่อย
ขออนุญาตเริ่มต้นด้วยการขอสปอยล์ภาพยนตร์ Bangkok Breaking ฝ่านรกเมืองเทวดา สักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง?
โขม “ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณวันชัย จุดเริ่มต้นคือเมื่อคุณวันชัยหรือพี่เวียร์ต้องทำภารกิจ ช่วยกู้ภัยช่วยคนที่อยู่ในเหตุการณ์ม็อบ ด้วยนิสัยของคนวันชัยที่ต้องการช่วยคนก็ทำให้ ไปส่งผลอะไรบางอย่างที่มันทำให้เกิดการสูญเสีย จึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องพักงานหรือเปลี่ยนงาน เขาก็เลยต้องไปเป็นไรเดอร์ส่งของเข้าไปส่งชาไข่มุกให้กับน้องมายด์ 4eve เรื่องนี้น้องมายด์รับบทเป็นพยาบาล และในเหตุการณ์ในโรงพยาบาลนั้น หาสายสิญจน์หรือที่รับบทโดยพี่ดู๋ ก็มีเข้าไปก่ออาชญากรรมบางอย่างในโรงพยาบาลขณะนั้นพอดี และหลังจากนั้นก็ระเบิดระเบ้อไปกันจนจบเลยครับ”
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวไหน ?
โขม “เป็นแนวแอ็คชั่น การเอาตัวรอดเอาชีวิตรอด ในสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นในกรุงเทพครับ”
ดู๋ “เป็นเหตุการณ์ที่ไม่นาน ทั้งเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวันสองวันเอง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ภายใน1วัน ถ่ายทอดออกมาคือทั้งเรื่องภายใน 2 ชั่วโมงกว่า คล้ายๆดูถ่ายทอดสดเลย”
โขม “เหมือนเหตุการณ์เกิดขึ้นในตอนเช้าวันนี้ ก็ไปจบที่เช้าพรุ่งนี้ ก็คือ ความยาวของภาพยนตร์ภายใน 2 ชั่วโมงกว่า ก็คือเราต้องนำเสนอในเรื่องราวของ 24 ชั่วโมง อารมณ์แบบเรียลไทม์ไปเลย”
จากตัวละครที่ดู๋และเวียร์ได้รับในเรื่องนี้มีความแตกต่างจากเรื่องเดิมที่ผ่านมาหรือว่าแหวกแนวอย่างไรบ้าง ?
ดู๋ “ในส่วนของผมแตกจะต่างเลยครับ เพราะว่าเรื่องที่ผ่านมาไม่มีผมครับ(หัวเราะ) ถ้าบทบาทแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ในบทที่เล่นเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ฝ่าฝืนทุกกติกา และศีลธรรม ด้วยความเชื่อส่วนตัวว่า นี่คือวิธีเอาชีวิตรอด ใครจะเป็นอะไรก็เรื่องของมันเราไม่เป็นเหยื่อก็แล้วกัน เราคิดแบบนี้ แล้วพออายุมากขึ้นก็อยากจะออกจากวงจรแบบนี้ เราก็ค้นพบว่ามันไม่เห็นมีความสุขก็ มันน่าจะมีชีวิตที่สงบสุขกว่านี้โดยไปอยู่ต่างจังหวัดหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ออกจากสิ่งแวดล้อมแบบนี้ แต่หนทางที่จะได้ก็ต้องหาทุนก้อนสุดท้าย เพื่อไปทำไขมันอยู่ต่างจังหวัดอะไรประมาณนี้ เราก็เลยไปรับงานชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นงานง่ายๆไม่ได้ไปฆ่าใครด้วย และนั่นก็คือที่มาของหายนะ 24 ชั่วโมง ที่กำลังจะตามมา และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด ซึ่งผมก็ไม่เคยรับบทแบบนี้มาก่อน เราก็ต้องมีการเตรียมการ เพื่อให้มันได้เท่าที่เราจะพยายามทำได้ครับ”
เวียร์ “จริงๆในบทของวันชัยผมผ่านมามาก่อนแล้ว แต่ในส่วนตรงนี้มันเป็นพาร์ตของภาพยนตร์ ซึ่งเมื่อก่อนจะเป็นซีรีส์ชื่อ Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง แต่ว่าตอนนี้มันเป็นภาพยนตร์ 2 ชั่วโมงกว่าก็เป็นชื่อเรื่อง Bangkok Breaking ฝ่านรกเมืองเทวดา ต้องบอกทุกคนก่อนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดูได้ ไม่ใช่ภาคต่อจากซีรีส์แต่อย่างใด ไม่ต้องกลัวว่าดูไม่รู้เรื่อง คือมันจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นใหม่ โดยที่วันชัยจะเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นี้ ตัวผมผ่านเรื่องราวมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นซีรีส์ ส่วนในภาพยนตร์ก็ผ่านร้อนผ่านหนาว มาอยู่ในกรุงเทพสักระยะหนึ่ง ก็ได้เห็นแล้วว่า กรุงเทพมันก็ไม่ธรรมดา”
สาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับเลือกดู๋และเวียร์มารับบทเป็นตัวละครสองตัวนี้?
โขม “ในส่วนบทของพี่เวียร์ก็ต้องเป็นพี่เวียร์ เพราะว่ามันเป็นตัวละครของคุณวันชัย ซึ่งตัวละครเดิมที่พี่เวียร์แสดง ในส่วนของบทที่พี่ดู๋ได้รับ โดยส่วนตัวผมดูหนังพี่ดู๋มาทุกเรื่อง แล้วพี่ดู๋เล่นหนังน้อยมาก และทุกครั้งที่พี่ดู๋ปรากฏตัวอยู่ในหนัง หนังเรื่องนั้นมักจะดี ผมก็เลยนำพี่ดู๋มาขึ้นหิ้งบูชา เป็นขวัญและกำลังใจ(หัวเราะ) ก็คือโดยเบื้องต้นก็ชอบฝีมือพี่ดู๋อยู่แล้ว เราก็เลยอยากจะนำพี่ดู๋มาอยู่ในภาพลักษณ์ใหม่ๆ ที่คนยังไม่เคยเห็น ซึ่งผมคิดว่าผมทำสำเร็จเพราะว่าคนก็จำพี่ดู๋ไม่ได้จริงๆ ในตอนที่เราฟีตติ้งแต่งตัวกัน ก็จะได้เจอภาพพี่ดู๋ในมิติใหม่ๆ บ้าง ถือว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของพี่ดู๋ครับ”
แล้วดู๋มีการทำการบ้านอย่างไรกับการรับบทตัวละครนี้บ้าง?
ดู๋ “เนื่องจากมีการคุยกับพี่โขมก่อนบ้างแล้ว ซึ่งผมรู้สึกว่า นี่คือเรื่องที่ไม่มีประสบการณ์ในชีวิตเลย แต่ว่าก็โชคดีที่ได้เคยสัมภาษณ์ผู้คนที่อยู่ในแวดวงแบบนี้มาหลายท่าน ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะทำเมื่อเขาให้ผมเป็นขวัญและกำลังใจของเขา ผมก็ไม่อยากทำอะไรให้หนังเขามีอะไรที่ไม่ดี คราวนี้สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือการเตรียมตัวขั้นสูงสุด ซึ่งทีมงานและพี่โขมก็ทำให้เกิดกลไกพวกเวิร์คช็อปขึ้นมามากมายหลายแบบ พี่ไม่ต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้แสดง เพราะว่าในเรื่องไม่ต้องสนใจใคร ไม่มีความสัมพันธ์กับใครอยู่แล้ว แต่ว่าการที่เปลี่ยนตัวเองให้มีความคิดแบบนั้น เป็นทรชนแบบนั้นฆาตกรแบบนั้น โดยที่ไม่ได้คิดว่าตัวเองไม่ดีหรือผิดนะ นี่คือคิดว่าสังคมมันเป็นแบบนี้ ซึ่งฝนต้องเลือกบทบาทว่าคุณจะอยู่รอดโดยวิธีไหนแค่นั้นเอง ผมต้องคิดแบบนั้นให้ได้ หรือผมต้องทำให้คนที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้รู้สึกแบบนั้นให้ได้แค่นั้นก็เรื่องใหญ่แล้ว หรือเรื่องใหญ่กว่านั้นก็คือ คราวนี้มูฟเม้นต์ต่างๆของคนแบบนี้จะเป็นอย่างไร การใช้อาวุธจะเป็นอย่างไร ซึ่งในการใช้อาวุธก็ไม่ได้ใช้แบบเจ้าหน้าที่ที่มีมาตรฐานในการทำสิ่งนั้นสิ่งนี้หรือท่ายิง แต่มันก็จะเป็นแบบชาวบ้านที่โตมากับปืนแบบนั้นแล่วก็ใช้มันได้ดี ซึ่งในเรื่องตัวละครนี้ก็เป็นมือดีที่สุดคนหนึ่งในปฐพีของเส้นทางนี้ และนั่นก็คือโจทย์ยาก แต่เราเชื่อว่า ด้วยความพยายามและความตั้งใจ แล้วก็ทุกคนก็ช่วยกันส่งเสริมช่วยกันหาหนทาง โดยส่วนตัวที่ผมเห็นผมก็ว่าผมชอบ”
จากตัวละครของทั้งคู่ มีความแตกต่างหรือเหมือนกันกับชีวิตจริงไหม?
ดู๋ “พี่เวียร์กับตัวละครเขาคือคนเดียวกันเลยนะ (เวียร์ ศุกลวัฒน์ “ครับเพราะผมเป็นคนดีคนเดิมและคนเดียว (หัวเราะ)) จริงๆ เพราะตอนที่ไม่ได้ถ่ายแล้วผมคุยกับเวียร์ก็เหมือนคุยกับวันชัยนะ คือแบบมันช่างแสนดี อย่างตอนที่พี่โขมเรียกเข้าฉาก เราก็หาเวียร์กันว่าไปไหน สรุปเวียร์เข้าฉากยืนหน้าเซตเรียบร้อยแล้ว ไปคนแรกเลย พ่อคนดี ในส่วนของผมก็ตรงกันข้ามกับตัวละครที่ได้รับบท ก็ต้องหาวิธีอย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกสำหรับบทแบบนี้ด้วย”
เล่าประสบการณ์ในการเข้าฉากแอ็คชั่นของเรื่องนี้ มีความยากง่ายไหม?
ดู๋ “ฉากการใช้อาวุธมีอยู่แล้วมากมาย ก็มันมีอยู่ฉากนึงที่พี่โขมบอกว่า ที่มีการต่อยหลัง ซึ่งมันเป็นเรื่อง มุมกล้อง ที่ผมไม่รู้ แล้วพี่โขมบอกว่ามันดูแล้วไม่มีน้ำหนัก คือผู้แสดงที่ผมเล่นด้วยเขาใส่เกราะระบบป้องกันตัว ผมก็เลยต่อยจริง กลับบ้านไปข้อมืดเคร็ด ผมก็ถามเขาน้องเจ็บไหม เขาก็บอกเอาเลยพี่ไม่มีอะไรเลย ไม่รู้สึกอะไร แล้วคือเขาใส่เกราะ เพราะเขาเป็นสตั้น ก็รู้ว่าเขาใส่เกราะเขาไม่เจ็บ แต่ผมกลัวภาพออกมาไม่ดี ผมก็เลยต่อยเต็มที่ คือความรู้ผมไม่ดี และนี่ก็คือตัวอย่าง ที่ว่าบางอย่างเราไม่รู้แต่เราอยากให้ผลลัพธ์ออกมาดี ก็พยายามเท่าที่จะทำได้”
ส่วนของเวียร์มีการไปเรียนกู้ภัยด้วยเล่าประสบการณ์ที่นำสิ่งที่เรียนมาใช้ในฉากเป็นอย่างไรบ้าง?
“จริงๆวันชัยในภาพยนตร์เป็นกู้ชีพแล้วครับ มีการพัฒนา ก็แบบว่าจะมีความรู้เรื่องการช่วยเหลือมากกว่าตอนที่เป็นกู้ภัย ก็มีการไปเวิร์คช็อปแต่ว่าจะมีหลายๆ ฉากที่มีการช่วยเหลืออยู่ ซึ่งทางเราก็อยากให้มีการสมจริงมากที่สุด และในระหว่างการถ่ายทำพวกนี้เขาก็จะมีคนที่มืออาชีพจริงๆ คอยควบคุมความถูกต้องอยู่ ซึ่งเต็มไปด้วยความที่ผมเก่งมาก เอาแบบนี้ดีกว่า(ยิ้ม)”
ดู๋ “ผมมองว่าสิ่งที่เขาถูกเขี้ยวอันนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขาเข้าไปทำอะไร เพราะมันเป็นท่าทีที่ว่าเขา โคตรเชี่ยวชาญเลยเขาไม่ต้องหันไปมองเขาแค่มองกระจกหลังและขับรถไปด้วย เขายังสามารถอธิบายขั้นตอนต่างๆได้ ผมว่าท่าทีของผู้แสดงที่ว่าผมคือผู้เชี่ยวชาญจริงๆ และไดอาร็อกการพูดยาวมาก แต่ต้องพูดให้เหมือนสบายๆ”
การถ่ายทำเรื่องนี้มีอุปสรรคอะไรบ้าง?
โขม “เยอะมาก มันเป็นเรื่องของฟ้าฝน แล้วคือแอ็คชั่นมันประกอบไปด้วยหลายเทคนิค และผู้คนที่มันต้องซิงค์กันที่สุด คราวนี้กว่าคนจะซิงค์กันในที่สุดฝนก็ตกเสียแล้ว แล้วเราก็ก็คุยกันว่าต่อให้ฝนตกเราก็ถ่าย คือยังไงเราก็ต้องลุย แล้วมันก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้วในเรื่องของจำนวนคนอย่างเช่น ฉากประท้วง ที่จำนวนคนมัน 500 กว่าคน แล้วมันก็สมจริงกันไปหมด ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเซฟในเรื่องของความปลอดภัย ของนักแสดงด้วยมันก็ค่อนข้างยากอยู่”
ฉากไหนที่ทั้งคู่รู้สึกประทับใจมากที่สุด?
เวียร์ “จริงๆฉากที่ผมประทับใจมากที่สุดอาจจะยังสปอยล์ไม่ได้ มันอยู่ในหนังนี่แหละ มีหลายฉากเลย ผมมั่นใจว่าพี่ดู๋ก็เหมือนกันแต่ในภาพรวมทั้งหมดที่ผมรู้สึกทึ่ง คือมีบางฉากที่ผมไม่ได้ไปกอง แล้วผมเห็นเศษซากที่มันถ่ายไปแล้ว ผมก็พูดว่าพี่โขมถ่ายอะไรเนี่ย ผมก็รู้สึกว่าคุณผู้ชมจะได้รับชมความอลังการ ได้เห็นความทุ่มเทความเต็มที่ของ Netflixและความจัดเต็มของโปรดักชั่นที่ทำให้คนดูได้รับความสนุกสนานและคุ้มค่ามาก ผมว่ามันเป็นเรื่องของความเจ๋ง”
ดู๋ “อีกอย่างที่อยากจะเสริมอันนี้นะครับ ถ้าใครได้ดูตัวอย่าง ผมเห็นว่ามีน้องนักวิจารณ์หนังท่านหนึ่ง ที่ออกมาวิเคราะห์จากตัวอย่าง ซึ่งผมอยากจะบอกน้องว่าเก่งมาก แต่ใครที่ฟังการวิเคราะห์แล้ว หรือวิเคราะห์เอง แล้วคิดว่ามีแค่นั้นผมจะบอกว่า อันนี้ไม่น่าจะเกิน 7% ของหนัง สิ่งหนึ่งที่คุณเห็นคุณรู้แล้ว ว่ามีฉากแอ็คชั่น และมีความสนุกแน่ๆ แต่ผมกำลังจะบอกคุณว่ามันเป็นหนังแบบฟิวกู๊ดครับ ถ้าคุณดูแล้วมันจะเป็นอารมณ์แบบฟิวกู๊ดไม่ว่าชีวิตคุณจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คุณจะอยากรักษามัน อย่างน้อยลมหายใจของคุณมันยังจะมีข้างหน้าให้คุณ ได้เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงอะไรก็ได้ แล้วคุณจะค้นพบว่า ฉันดีใจจังเลยที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ช่วงนี้ดูจบจะกลายเป็นหนังฟิวกู๊ดครับ จะมีหักมุมอย่างไม่น่าเชื่อ”
ต้องการสื่ออะไรถึงคนดู แล้วเหตุใดคนถึงต้องชมภาพยนตร์เรื่องนี้?
โขม “คือจริงๆมันก็พูดเรื่องนี้แหละว่า อย่าหมดหวังกับชีวิต อย่าหมดหวังกับการที่เราจะเป็นคนดีสักคนนึง ในสังคมที่มันก็มีความขัดแย้งมากมายอย่างที่เราเห็นกัน และมันก็อยู่มากขึ้นเหนื่อยขึ้นทุกวัน แต่ก็อย่าหยุดเป็นคนดีเหมือนตัวละครวันชัยที่พูดในตัวอย่างว่า ที่ตัวละครชื่อเมจิที่รับบทโดย น้องมายด์ ได้ถามตัวละครวันชัยว่า พี่ไม่กลัวหรอ แล้วเวียร์ก็ตอบว่า กลัวสิแต่ถ้าผมช่วยคนอื่นได้ด้วย ในตัวอย่างเราจะเห็นประโยคนี้ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปหลักว่า เขาเป็นมนุษย์คนนึง แต่ว่าถ้าเขาช่วยคนอื่นได้ด้วยมันก็ดี ประเด็นคือนี่คือคอนเซ็ปและที่อยากจะพูด ถามว่าอะไรที่อยากให้คนดูเข้ามาดูในเรื่องนี้ คือทั้งหมดไปบอกไปแล้ว มันคือโปรดักชั่นที่ผมเชื่อว่า ใน Netflix ที่ใช้ออกไปหลายประเทศผมเชื่อว่าเราอยู่ในมาตรฐานของโปรโมชั่นที่ดีได้ คือผมอยากดูในแง่ของความสนุก มีความบันเทิง กับสิ่งหนึ่งที่อยากพูดไว้ตรงนี้ว่า คำว่าซอร์พพาวเวอร์ในประเทศนี้บางทีมันไม่ใช่แค่คอนเทนต์แต่มันคือทีม หนังฝรั่ง หนังจีน หนังแขกมาเมืองไทยใช้ทีมคนไทยทำทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราอยากทำให้เห็นว่าฝีมือคนไทยนี้มันไปได้จริงๆครับ”
สามารถติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ช่องทางไหน?
เวียร์ “ก็ฝากติดตามภาพยนตร์เรื่อง Bangkok Breaking ฝ่านรกเมืองเทวดา ด้วยนะครับ เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นเต็มรูปแบบเรื่องแรกของ Netflix ประเทศไทย ฝากด้วยครับ”
แหม..ทั้งนักแสดงและผู้กำกับจัดเต็มขนาดนี้ ไม่ให้แฟนๆติดตามและดูมากกว่า 1 รอบได้ยังไง ซึ่งใครดูแล้วอย่าลืมมาเม้าท์กันนะคะ ได้ข่าวว่าแฟนๆชอบหนักมากทีเดียว
คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”
โดย “yimyim”