เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่สถานีรถไฟรังสิต นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เดินทางมาร่วมส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนาในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ยโสธร และสุรินทร์ ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นวันแรก โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้จัดรถไฟขบวนพิเศษ ขบวน 971 เส้นทาง สถานีรถไฟรังสิต-อุบลราชธานี ซึ่งวันที่ 27 ก.ค. มีผู้ป่วยที่แสดงความประสงค์กลับไปรักษาที่ 7 จังหวัดภูมิลำเนา 135 คน (มีอาการระดับเขียว-เหลือง)

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคม (คค.) ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการวางแผนที่จะส่งผู้ป่วยโควิด-19 ที่ลงทะเบียนกับ สปสช. 1330 รวมทั้งได้บูรณาการกับจังหวัดปลายทาง เพื่อรับตัวไปรักษาต่อที่สถานพยาบาล อย่างไรก็ตามในการใช้รถไฟขนส่งผู้ป่วยครั้งนี้ ได้ใช้รถไฟด่วนพิเศษ CNR ขบวนใหม่ ของ รฟท. 1 ขบวน 13 ตู้ เป็นรถไฟตู้นอน มีระบบปรับอากาศ มีห้องน้ำสุญญากาศเหมือนบนเครื่องบิน เป็นระบบปิด ไม่หล่นเรี่ยราดตามทางรถไฟ เพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายของเชื้อได้ ขณะเดียวกันที่สถานีรถไฟรังสิต ก็เป็นสถานีของรถไฟฟ้าสายสีแดงที่ยังไม่เปิดใช้บริการ ดังนั้นการให้ผู้ป่วยโควิดมาขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟรังสิต ถือว่าปลอดภัย มีโอกาสสัมผัสประชาชนน้อยมาก ยืนยันว่าประชาชนที่อยู่โดยรอบสถานี รวมทั้งตลอดเส้นทางจะไม่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อแน่นอน

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ในรถไฟขบวนดังกล่าวจะจัดให้ผู้ป่วยนั่งตู้ละประมาณ 30 คน ซึ่งจะแยกชัดเจนระหว่างผู้ป่วยกลุ่มยืนยันด้วยผลตรวจ RT PCR positive กับกลุ่มผลตรวจ ATK positive เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้มีผลตรวจ ATK positive คลาดเคลื่อนมาปะปนกับผู้ที่ผลตรวจชัดเจนแล้ว และก่อนออกเดินทาง สพฉ. จะมีการประเมินอาการของผู้ป่วยทุกรายก่อนให้ออกเดินทาง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเอง อย่างไรก็ตามในขบวนรถไฟยังมีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และตำรวจรถไฟอยู่ประจำตลอดการเดินทางด้วย โดยในระหว่างการเดินทางได้จัดอาหาร และเครื่องดื่มดูแลผู้ป่วยตลอด ซึ่งรถจะไม่จอดแวะพักระหว่างทางให้ผู้ป่วยลงไปยังด้านล่างเด็ดขาด

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า เมื่อผู้ป่วยเดินทางถึงสถานีจุดหมายปลายทาง จะมีรถมารับไปยังสถานพยาบาลทันที จะไม่ลงมาปะปนกับผู้โดยสารทั่วไป ส่วนจังหวัดใดที่รถไฟไปไม่ถึง ก็จะใช้รถ บขส. มารับไปส่งต่อยังสถานพยาบาล ยืนยันว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอด ขอให้ประชาชนทุกคนไม่ต้องกังวล และมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนการขนส่งผู้โดยสารทุกรูปแบบทุกพื้นที่ หากกลุ่มผู้ป่วยขนาดใหญ่ก็จะใช้รถไฟ แต่หากกลุ่มเล็กก็ได้ประสานรถพยาบาล และรถมูลนิธิอาสาต่างๆ ไว้คอยบริการแล้ว ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ดูแลประชาชนให้ดี.