เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 10 เม.ย. ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ สรุปสถานการณ์ PM2.5 พบเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ ได้แก่ กทม.และปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. ตรวจวัดได้ 50 – 92 มคก./ลบ.ม.พบเกินค่ามาตรฐานเกือบทุกพื้นที่ เกินมาตรฐานสูงสุดในระดับสีแดงกระทบต่อสุขภาพที่บริเวณ ริมถ.ลาดกระบัง เขตลาดกระบัง 92 มคก./ลบ.ม.
ขณะที่ภาคเหนือ ตรวจวัดได้ 41 – 95 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานในระดับสีแดงสูงสุดบริเวณ ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 95 มคก./ลบ.ม.ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่ 94 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดได้ 49 – 123 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานเกือบทุกสถานีตรวจวัด และเกินมาตรฐานในระดับสีแดงสูงสุดบริเวณ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 123 มคก./ ลบ.ม. ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย 104 มคก./ลบ.ม.
ภาคกลางและตะวันตก ตรวจวัดได้ 58 – 100 มคก./ลบ.ม. เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ เกินมาตรฐานสูงสุดในระดับสีแดงที่บริเวณ ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี 100 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก ตรวจวัดได้ 50 – 74 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ภาคใต้ ตรวจวัดได้ 11 – 18 มคก./ลบ.ม.
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่เกินเกณฑ์มาตรฐานประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ : ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ พื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ(พื้นที่สีแดง) ประชาชนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK
ทั้งนี้ ศกพ. คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ล่วงหน้า ดังนี้ พื้นที่กทม.และปริมณฑล 1 วันข้างหน้า คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และคาดการณ์ 7 วันข้างหน้านั้น แนวโน้มของสถานการณ์ในภาพรวมช่วงวันที่ 11 – 17 เม.ย. จะมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหลังวันที่ 11 เป็นต้นไป เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิด และไม่มีสภาพอากาศนิ่งในพื้นที่
ในส่วนพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ 1 วันข้างหน้า คุณภาพอากาศโดยภาพรวมเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และคาดการณ์ 7 วันข้างหน้านั้น แนวโน้มของสถานการณ์ในช่วงวันที่ 16 – 17 เม.ย. ควรเฝ้าระวังเป็นหากจุดความร้อนมีจำนวนมาก อาจเกิดสถานการณ์ที่ค่าฝุ่นละอองขึ้นสูงโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน “ฝั่งตะวันออก” เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเกิดสภาพอากาศนิ่ง และการยกตัวของอากาศที่ไม่ดี ในช่วงเวลาดังกล่าว.
ทั้งนี้หลังวันที่ 11 เม.ย.สถานการณ์บริเวณภาคเหนือจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศนิ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับพลังงานการยกตัวของมวลอากาศสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามต้องดำเนินการควบคุมจุดความร้อนทั้งภายในและภายนอกประเทศควบคู่ไปด้วยกัน ทั้งนี้ในวันที่ 16-17 เม.ย.ควรเฝ้าระวังจุดความร้อนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่ง และมวลอากาศยกตัวได้ไม่ดี ซึ่งจะกระทบภาคเหนือด้านตะวันออก รวมไปถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ IQAir เว็บไซต์จัดอันดับคุณภาพอากาศทั่วโลก รายงานในช่วงเวลา 09.00 น. ว่า กทม.ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย มีคุณภาพอากาศแย่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากปากีสถาน อินเดีย และปักกิ่ง