หลังจากสิ้นสุดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ FOMC ปรากฏว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาด คือ มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% และส่งสัญญาณมีโอกาสปรับขึ้นอีก 6 ครั้งในปีนี้หรือจะขึ้นไปอยู่ที่ 1.75-2.00% และปี 2566 ขึ้นอีก 3-4 ครั้ง เป็น 2.5-3.0% บวกกับจะเริ่มดูดสภาพคล่องคืน (QT) หลังจากนี้
ในเรื่องนี้ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ได้โพสต์เฟซบุ๊กเปิดมุมมองหลังจาก FOMC ประชุมเสร็จสิ้น โดยบอกว่า เมื่อคืนหลังจากตลาดได้เห็น “ยาขนานแรก” ของเฟด ที่จ่ายยาแรงกว่าที่ทุกคนคาดไว้เล็กน้อย โดยเฟดส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปสูงกว่าที่ทุกคนคาด ทะลุระดับดอกเบี้ยนโยบายระยะยาวไปที่ 2.75-3.0% ระหว่างปี 2023-2024 (พ.ศ. 2566-2567)
ในช่วงเวลา 30 นาที ก่อนได้ฟังประธานเฟดแถลงข่าว ตลาดต่างๆ ออกอาการเข่าอ่อน ปรับตัวไปพอสมควร โดยดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 2 ปี ปรับเพิ่มขึ้นไปจนเกือบถึง 2.0%, Dow Jones ลดลงไปรวมทั้งสิ้น 400 จุด (-1.2%), Nasdaq ลดลง 250 จุด (-1.9%), Bitcoin ลดลง 1,140 ดอลลาร์ (-2.8%)
แต่หลังท่านประธานเฟดเริ่มพูด ตลาดก็ค่อยๆ ฟื้น ทำให้จากจุดนั้นเป็นต้นมา Dow Jones ได้เพิ่มขึ้น 680 จุด ทำให้ปิดตลาดในแนวบวกได้
หลายคนคงอยากรู้ว่า ท่านประธานเฟดมีเทคนิคการพูดปลอบประโลมตลาดอย่างไร ที่ทำให้ในระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ตลาดถึงได้สบายใจ สามารถกลับลำมาขึ้นได้ขนานนี้
ครั้งนี้เรียกได้ว่า เป็นการ rematch แก้มือ ซึ่งต่างจากเมื่อการแถลงข่าวปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาอย่างยิ่ง ที่ยิ่งพูด ตลาดยิ่งตก (ครั้งนั้น พูดเสร็จ Dow Jones ตกไปเกือบ 900 จุด จากท่านประธานเฟดคนเดียว)
รอบนี้ เป็นเหมือนหนังคนละม้วน ถ้าจะสรุป ท่านประธานเฟดเริ่มโดยอ่านคำแถลง โดยบอกว่า ประมาณการเศรษฐกิจด้านต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ดี
1.โอไมครอนกระทบน้อยกว่าคาด
2.สงครามยูเครนมีผล แต่ว่าสหรัฐจะยังคงโตได้อย่างเข้มแข็ง “Solid growth” โดยโตประมาณ 2.8% 2.2% และ 2% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
3.ด้วยนโยบายที่เหมาะสม เงินเฟ้อจะลงมาที่ 2% โดยแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ตลาดแรงงานจะคงยังคึกคักและเศรษฐกิจจะยังขยายตัวได้
4.ดอกเบี้ยนโยบายปลายปีนี้จะขึ้นไปที่ 1.9% สูงกว่าที่คิดไว้เดิม 1.0% (ขึ้นเพิ่มอีก 4 ครั้ง) หลังจากนั้น ใน 2 ปีข้างหน้า ดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นไปที่ 2.8% (ขึ้นเพิ่มอีก 3-4 ครั้ง) ซึ่งจะสูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายระยะยาวที่ 2.5% ไปเล็กน้อย เพื่อชะลอเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไร 1 ปีให้หลัง โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังมีความไม่แน่นอนสูง ถ้าสถานการณ์เปลี่ยน ก็อาจจะมีการปรับยา และจ่าย “ยาขนานที่สอง” ได้
5.กรรมการได้พูดคุยกันเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้วเกี่ยวกับเรื่องการดูดสภาพคล่องกลับ ซึ่งจะประกาศในการประชุมครั้งถัดๆ ไป (ไม่ทำ QT รอบนี้)
6.เฟดจะพยายามไม่เพิ่ม uncertainty หรือความผันผวนที่ไม่จำเป็น ให้กับตลาด เพราะตลาดตอนนี้ผันผวนมากอยู่แล้ว (หมายความว่า เฟดจะพยายามพูดแล้ว ทำตามนั้น โดยไม่เปลี่ยนบ่อยๆ สิ่งที่ประกาศวันนี้ น่าจะเป็นเส้นทางที่จะเดินไป หากไม่มีอะไรที่เกินคาดเกิดขึ้น)
สรุปได้ว่า รอบนี้เตรียมการมาดี แค่อ่านคำแถลงสั้นๆ ใช้ PowerPoint 3-4 รูปที่เป็นประมาณการณ์เศรษฐกิจที่ดีประกอบการบรรยาย พอจบใช้เวลาไป เพียง 7 นาที Dow Jones ก็ขึ้นไปแล้ว 150 จุด!!!
ที่เหลือ เป็นผลจากการตอบคำถาม ในช่วงถาม-ตอบกับนักข่าวอีก 50 นาที ที่มีคำถามประมาณ 20 กว่าข้อที่ตลาดน่าจะชอบจากคำตอบของท่านประธานเฟด ก็คือ
1.ยังไม่เห็นโอกาสที่จะเกิด Recession ในช่วงปีหน้า เศรษฐกิจจะยังโต ขยายตัวได้ดี แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย
2.อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ที่ 2.8% แม้จะลดลงจากผลของสงคราม แต่ว่ายังถือว่าดีมาก เทียบกับการขยายตัวตามปกติของสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา
3.ตลาดแรงงานคึกคักเกินไป มีตำแหน่งว่างงาน 1.7 ตำแหน่งสำหรับคนตกงาน 1 คน การขึ้นดอกเบี้ย จะช่วยให้ตลาดแรงงานลดความร้อนแรง และเข้าสมดุลมากขึ้น
4.เงินเฟ้อจะขึ้นมากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ จากตอนแรกคาดว่ากลางปีนี้จะลง ตอนนี้น่าจะอยู่สูงไปจนถึงปีหน้า แล้วจะลดลงมาอย่างเร็ว (ไม่กังวลใจ)
สาเหตุที่เงินเฟ้อจะลด ส่วนหนึ่งจะมาจาก Base Effect หรือจากฐานที่จะสูงขึ้นในช่วงถัดไป และจาก Global Supply Disruption ที่จะดีขึ้นในช่วงถัดไป ดอกเบี้ยที่ขึ้นวันนี้ จะส่งผลต่อเงินเฟ้อในปี 2023-2024 ส่วนที่คนกลัวว่าจะมี Wage-price spiral หรือมีวงจรอุบาทว์ของเงินเฟ้อ แล้วทำให้เงินเฟ้อฝังรากลึกได้ ตอนนี้เฟดยังไม่เห็น
5.ถ้าข้อมูลชี้ในอนาคตว่า เฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น และต้องให้ทะลุสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะยาวที่ 2.5% เพิ่มเติม ก็จะหารือกันแล้วทำต่อไป แต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยน ตอนนี้มีแผนแล้วที่จะขึ้นดอกเบี้ยแบบ Steady ค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ จากข้อมูลปัจจุบัน แผนการขึ้นดอกเบี้ยที่ประกาศออกมาวันนี้ น่าจะเป็นยาที่แรงพอ (ไม่ได้อ่อนไป) ดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นสูงกว่าดอกเบี้ยระยะยาวที่ 2.5% ไปเล็กน้อยอยู่แล้วในปีหน้า ซึ่งจะช่วยชะลอเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะต่างๆ ที่ price in และขึ้นไปก่อนหน้า ก็จะช่วยในการปรับสมดุลของเศรษฐกิจเช่นกัน
6.กรรมการได้หารือเรื่องการดูดสภาพคล่องกลับในรายละเอียด โดยจะใช้กรอบเหมือนกับครั้งที่แล้วที่ทุกคนคุ้นเคย ในอัตราที่เร็วขึ้น และเปิดรายละเอียดในรายงานการประชุม 3 สัปดาห์ให้หลัง ทั้งนี้ การทำ QT หรือดูดสภาพคล่องกลับอาจจะเริ่มตั้งแต่การประชุมครั้งหน้า
ทั้งนี้ เฟดจะพยายามไม่ให้เงินเฟ้ออยู่นาน กระทบทุกคน จะดูแลให้เกิด Price Stability ที่จะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และตลาดแรงงานที่เข้มแข็ง
เรียกได้ว่า รอบนี้ ท่านประธานเฟดเตรียมตัวมาดี ตั้งใจมาปลอบประโลมตลาดเต็มที่ ถามคำ ตอบคำ ไม่อธิบายจนตลาดกังวล ทำให้ Dow Jones ปรับเพิ่มอีก 380 จุด !!!
ถ้านับจากจุดเริ่มต้นแถลง รวมเป็นขึ้นทั้งหมด 530 จุด และหลังจากนั้น ตลาดก็มีแรงส่งต่อเนื่อง ทำขึ้นไปอีกเล็กน้อยอีกประมาณ 150 จุด รวมเป็น 680 จุด!!!
สรุปได้ว่า ครั้งนี้คงต้องให้คะแนนเต็มกับท่านประธานเฟด ที่สามารถกล่อมจนตลาดเชื่อว่า “ทานยา” แล้วจะไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลใจ ทุกอย่างอยู่ในการดูแลและ Control ของเฟด ทุกอย่างจะไปได้ แล้วเจอกันประชุมรอบหน้า อีก 6 สัปดาห์
( ที่มา : Kobsak Pootrakool )