สวัสดีวันหยุดสุดสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม กับ อ้วนซ่า แอบซิ่ง ที่ในตอนนี้อ้วนซ่าฯ กลับมาพบกับท่านผู้อ่านเร็วกว่าปกติ เพราะเนื่องจากสถานการณ์โควิดช่วงนี้กลับมาร้อนแรงอีกครั้งทำให้ คอลัมน์ “ป้ายแดงชวนขับ” ต้องถูกระงับไปก่อนชั่วคราว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม อ้วนซ่าก็มีเรื่องราวของรถใหม่ที่จ่อเปิดตัวในประเทศไทยมานำเสนอในสัปดาห์นี้ นั่นก็คือ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” (Ford Everest) รุ่นใหม่ถอดด้าม!

ซึ่งความใหม่ถอดด้ามนี้สามารถเห็นได้ชัดจากการเปิดตัวด้วยบุคลิกการออกแบบใหม่หมดจด ชนิดที่เห็นได้ชัดจากร้อยเมตรทีเดียว นั่นก็คือไฟหน้าทรงตัว C ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าที่ตั้งชัน แต่สอดประสานเข้ากับไฟหน้าเป็นบุคลิกใหม่ที่ดูดุดัน และหนักแน่น ถ่ายทอดดีเอ็นเอความเป็นรถขวัญใจคาวบอยอเมริกันมาได้แจ่มชัด ส่วนด้านท้ายเป็นไฟทรงนอนอยู่ในโคมรมดำดูหล่อขึงขัง ส่วนรูปทรงนั้นก็กำยำล่ำสันไม่แพ้รถรุ่นอื่น ๆ

ในด้านสมรรถนะนั้น ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ถือได้ว่าเป็นรถแบบ 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมจากเหล่าพ่อบ้านสายลุยมาโดยตลอด โดยชูจุดเด่นเรื่องการขับขี่ที่โดดเด่นเหนือใครเป็นจุดขาย ใครที่เคยได้สัมผัสและลองเปรียบเทียบรถตระกูลเรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ กับรถพีพีวีจากค่ายญี่ปุ่นจะเข้าใจดี ซึ่งอ้วนซ่าก็เชื่อแน่ว่า ในรุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวใหม่นี้ก็ต้องไม่ให้เสีอชื่อเสียงที่เคยทำมาอย่างแน่นอน ที่เห็นได้ชัดก็คือมีการขยายมิติฐานล้อให้กว้างขึ้นถึง 50 มิลลิเมตร

เพื่อให้การทรงตัวทำได้ดียิ่งขึ้น แถมยังเปิดตัวเครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ และรุ่นท็อป V6 3.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เพิ่มขึ้นมาให้พ่อบ้านเท้าหนักได้สนุกกันอีกด้วย และแน่นอนว่ามาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทั้งแบบฟูลไทม์และพาร์ทไทม์ ที่สามารถล็อกเฟืองท้ายได้ อีกทั้งยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ที่เหมาะกับพื้นผิวที่หลากหลาย ถูกใจสายลุยอย่างแน่นอน

อีกจุดหนึ่งที่ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่สัญญาไว้ว่าจะมอบความแตกต่างให้กับผู้ใช้งานก็คือสุนทรียภาพในห้องโดยสารที่เกิดจาก “ความเงียบ” โดยทางฟอร์ดเชื่อมั่นว่าการปรับปรุงในเรื่องความเงียบของห้องโดยสารนี้จะเป็นจุดที่ผู้บริโภคสามารถรับรู้ได้ถึงคุณภาพของรถอย่างแน่นอน และนอกเหนือไปจากนั้น พวกเขายังได้ทำการออกแบบให้ผู้โดยสารในแถวที่ 3 สามารถเข้าถึงเบาะนั่งได้สะดวกสบายมากขึ้น ด้วยการปรับให้เบาะนั่งแถว 2 เลื่อนขึ้นมาด้านหน้าได้มากกว่าเดิมและในทุกตำแหน่งของห้องโดยสารนั้นจะมีพื้นที่เก็บสัมภาระและจุดชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง สมกับเป็นรถในยุค 5จี

แน่นอนว่าเพื่อให้เป็นรถในยุค 5จี จอภาพในรถคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยหน้าปัดของรถเป็นจอภาพขนาดตั้งแต่ 8 นิ้วไปจนถึง 12.4 นิ้ว ส่วนจอภาพเป็นระบบสัมผัสบริเวณคอนโซลกลางจะมีขนาดตั้งแต่ 10.1-12 นิ้ว ตามแต่รุ่นย่อย ซึ่งในเอเวอเรสต์ใหม่นี้จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อยด้วยกันคือ เริ่มต้นที่รุ่นสปอร์ต (Sport), ไทเทเนียม (Titanium) และรุ่นท็อปคือ แพลทินัม (Platinum) ซึ่งจะอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทคเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่นานาชนิด

โดยอุปกรณ์ไฮเทคของเอเวอเรสต์ นั้นมาแบบไม่กั๊กไม่ว่าจะเป็นระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติและรักษาให้รถอยู่กลางเลน พร้อมฟังก์ชั่น Stop and Go ที่สามารถชะลอจนหยุดนิ่งและออกรถตามคันหน้าได้ถ้าต้องการ และที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องทางด้วยการตรวจจับขอบถนน ซึ่งเหมาะมากกับการวิ่งในเส้นทางชนบทที่ไม่มีเส้นถนนชัดเจน กล้องจะใช้การสังเกตขอบถนนโดยอัตโนมัติ และนอกจากนั้นยังมาพร้อมกับระบบเลี่ยงการปะทะด้วยการหักเลี้ยวหลบซึ่งไม่เคยมีติดตั้งในรถที่จำหน่ายในประเทศไทยมาก่อน ระบบนี้จะสังเกตตรวจจับรถที่ขวางทางด้านหน้า และส่งแรงบังคับพวงมาลัยให้เบี่ยงหลบได้โดยอัตโนมัติ!

และนอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยอีกหลายอย่างที่พื้นที่ของเราไม่เพียงพอที่จะบรรยายได้หมด เอาเป็นว่าถ้าคุณมองหารถ SUV คันโตสำหรับครอบครัวที่มองหาความอเนกประสงค์ ความสบาย ความสนุกและความปลอดภัย รอพบกับเอเวอเรสต์ตัวจริงได้เลยในงานมอเตอร์โชว์.