สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ว่าสำนักงานป่าไม้แห่งรัฐออริกอนของสหรัฐรายงานว่า นับตั้งแต่ฤดูกาลไฟป่าในพื้นที่เริ่มขึ้น เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ไฟป่าอย่างน้อย 597 แห่ง เผาทำลายพื้นที่รวมกันไปแล้วมากกว่า 250,000 เอเคอร์ จนถึงช่วงปลายเดือน มิ.ย.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ส่วนใหญ่ได้แล้ว แต่ยังคงเหลือไฟป่าซึ่งยังลุกลามอยู่อีกอย่างน้อย 14 แห่ง เกือบทั้งหมดเป็นไฟป่าขนาดใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ "บูตเลก ไฟร์" ( Bootleg Fire ) ปะทุเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 280,000 เอเคอร์ ถือเป็นไฟป่าขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งสหรัฐกำลังเผชิญอยู่ ณ เวลานี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้เพียง 22% แต่ไฟป่าขยายขอบเขตได้มาถึง 1,000 เอเคอร์ต่อชั่วโมง ด้วยอานิสงส์จากกระแสลมกระโชกแรง และสภาพอากาศที่แห้งจัดในฤดูร้อน
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากไฟป่าบูตเลก ขณะที่สาเหตุของการเกิดไฟป่าดังกล่าวยังคลุมเครือ ด้านรายงานโดยสำนักงานประสานงานระหว่างองค์กรด้านไฟป่าแห่งชาติของสหรัฐ ระบุว่า สถานการณ์ไฟป่าในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ทางเหนือของเทือกเขาร็อกกี และพื้นที่ราบทางตอนเหนือของรัฐมินนิโซตา "ร้อนและแห้งจัด และสภาพอากาศสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉับพลันตลอดเวลา"
อนึ่ง ไฟป่าบูตเลกเป็นหนึ่งในไฟป่าหลายสิบแห่ง ซึ่งยังคงเผาทำลายพื้นที่ในภาคตะวันตกของสหรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยสร้างความเสียหายรวมกันไปแล้วมากกว่า 2.5 ล้านเอเคอร์ในปีนี้ ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงจากทั่วทุกสารทิศร่วม 20,000 คน กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้เร็วที่สุด.
เครดิตภาพ : AP