เรื่องราวของ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน อายุ 53 ปี มากลายเป็นข่าวฮือฮาจนสั่นสะเทือนไปหลายหน่วยงาน ภายหลังจาก พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ปกรณ์เกียรติ พงษ์ธนนิกร สว.กก.2 บก.ป. และทีมงานตำรวจกองปราบปราม ร่วมกันจับกุม เสี่ยโจ้ ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.60/2564 ลงวันที่ 23 ก.พ. 2564 ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดนตำรวจกองปราบฯ จู่โจมจับกุมได้คาร้านอาหาร ในตลาดห้วยขวาง ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 4 พ.ย.64 

หนี 7 ปีถูกจับได้แต่หลุดมือไปอีก

ต่อมาวันที่ 5 พ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ร่วมกันแถลงการณ์จับกุมตัวนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ต่อหน้าสื่อมวลชน จึงนับว่าเป็นข่าวอาชญากรรมใหญ่  เพราะคดีของเสี่ยโจ้ เคย เป็นข่าวครึกโครมมาตั้งแต่ปี 2555  ทั้งคดีค้าน้ำมันเถื่อน, ฟอกเงิน, ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินประโยชน์อื่นใด ฯลฯ เกือบทั้งหมดให้การปฏิเสธ ประกันตัวสู้คดี กระทั่งปี 2557 ถูกจับคดีปลอมแปลงแผ่นตรวจลงตราเข้าเมือง  ศาลจังหวัดปัตตานี ตัดสินลงโทษ 1 ปี 4 เดือน แต่หลังตัดสินเสี่ยโจ้หลบหนีออกจากศาลไปได้แบบง่ายดาย 

เวลา 7 ปี ผ่านไปเมื่อเสี่ยโจ้มาพลาดท่าจนมุมใจกลางเมืองกรุง ยังได้สร้างความฮือฮาให้กับสังคมมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะวันที่ 5 พ.ย. ถูกนำตัวไปส่งจังหวัดสงขลา ตามหมายจับคดีร่วมกันฟอกเงิน พนักงานอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง ทำให้จำเป็นต้องปล่อยตัวไป โดยก่อนปล่อยตัวได้สอบถามว่ามีหมายจับค้างเก่าอื่นหรือไม่เมื่อตำรวจบอกว่าไม่มีทางอัยการไม่มีอำนาจควบคุมตัวจึงปล่อยไป จากนั้นวันที่ 6 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่เพิ่งจะประสานค้นเจอหมายจับศาลปัตตานี เช้าวันที่ 7 พ.ย. รีบขอหมายค้น ตามไปหาตัวที่บ้านพักก็ไร้วี่แววของเสี่ยโจ้ คาดว่าเดินหน้าหลบหนีออกไปนอกประเทศเรียบร้อยแล้ว

สุดท้ายกลายเป็นเรื่อง 3 หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทั้ง ตำรวจ-อัยการ-ศาล ต่างต้องรีบออกมาแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทันที !!

อัยการแจงเหตุผลปล่อยตัว

ทีมข่าว 1/4 Special Report ขอไล่เรียงข้อมูลทั้ง 3 หน่วยงานที่ออกมาแถลง ไล่ตั้งแต่ นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผย ว่า ตำรวจได้คุมตัว นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ไปส่งอัยการจังหวัดสงขลา ตามหมายจับในคดีฟอกเงินและค้าน้ำมันเถื่อน โดยอัยการจังหวัดสงขลา มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี เสนอไปยังอธิบดีอัยการภาค 9 พิจารณาแล้วเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีจึงไม่มีอำนาจควบคุมตัว ดังนั้นจึงต้องปล่อยตัวนายสหชัย แต่ก่อนจะปล่อยตัวอัยการจังหวัดสงขลา ได้สอบถามตำรวจที่คุมตัวมาส่งหลายครั้งแล้วว่า “ผู้ต้องหามีคดีอื่น ๆ อีกหรือไม่ เพื่อจะได้ให้ส่งตัวไปดำเนินการ ถามย้ำ 4-5 ครั้ง แต่ทางตำรวจยืนยันกับอัยการจังหวัดสงขลาว่า ผู้ต้องหาไม่มีคดีอื่น ๆ อีก ไม่มีการแจ้งอายัดตัว”

อย่างไรก็ดีคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด อัยการจะส่งความเห็นไปยัง บช.ก. เสนอ ผบ.ตร. ถ้าเห็นด้วยคดีเป็นอันยุติ ถ้าไม่เห็นด้วยต้องส่งอัยการสูงสุดชี้ขาด สำหรับสำนวนคดีค้าน้ำมันเถื่อน ที่อยู่ในอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร คดีนี้เป็นคดีเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร เป็นอำนาจการสั่งคดีของ อสส. โดยได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน ปอศ. สอบสวนเพิ่มเติมตั้งแต่ปี 2560-2561 ใน 2 ประเด็นคือ ให้ คำนวณภาษีน้ำมัน ที่จับกุมได้ว่าเป็นเงินเท่าไร และ เงินริงกิตมาเลเซียที่ยึดได้ คิดเป็นเงินไทยเท่าไร โดยเมื่อเดือน ต.ค. 63 อัยการได้ทำหนังสือเตือนแจ้งให้พนักงานสอบสวนเร่งส่งผลสอบเพิ่มมา แต่จนถึงขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ส่งผลการสอบเพิ่มมาให้อัยการแต่อย่างใด อัยการจึงยังสั่งคดีนี้ไม่ได้ ส่วนคดีที่อัยการจังหวัดปัตตานีมีทั้งหมด 5 สำนวน ทุกคดีเป็นอันยุติหมดแล้ว

ขณะเดียวกันทางสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ออกข่าวแจกสื่อมวลชนยืนยันว่า ศาลจังหวัดปัตตานี มีคำพิพากษาใน คดีหมายเลขแดง ที่  2777/2557 เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2557 ให้ลงโทษจำคุก นายสหชัย เจียรเสริมสิน รวม 1 ปี 4 เดือน ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดเกี่ยวกับดวงตราฯ แต่นายสหชัย หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าพนักงานไปในวันดังกล่าว ศาลจังหวัดปัตตานีจึงได้ ออกหมายจับ ที่ 223/2557 ลงวันที่ 9 ต.ค. 2557 และส่งหมายจับฉบับดังกล่าวให้แก่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแหลม (ผกก.สภ.บ้านแหลม) แล้ว ตามหนังสือศาลจังหวัดปัตตานี ที่ ศย.309.007/4711 และ ศย.309.007/4712 ลงวันที่ 9 ต.ค. 2557 ตามลำดับ

เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว โดยพิพากษายืน ศาลจังหวัดปัตตานีก็ได้ ออกหมายจับ ที่ 68/2558 ลงวันที่ 26 พ.ค. 2558 เพื่อจับนายสหชัย มารับโทษตามคำพิพากษาด้วยแล้ว และได้ส่งหมายจับฉบับใหม่นี้ให้แก่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแหลมแล้วเช่นกัน ตามหนังสือศาลจังหวัดปัตตานี ที่ ศย.309.007/528 และ ศย. 309.007/4129 ลงวันที่ 26 พ.ค. 2558 ตามลำดับ

บิ๊กปั๊ดลั่นใครเอี่ยวฟันทั้งวินัยอาญา

เมื่อทางอัยการได้ออกมาแจงถึงรายละเอียดเรื่องเหตุผลคำสั่งไม่ฟ้องเสี่ยโจ้ นอกจากนี้ยังได้ให้ตำรวจไปสอบสวนเพิ่มเติมตั้งแต่ปี 2560-61 ใน 2 ประเด็น คือให้คำนวณภาษีน้ำมัน และเงินริงกิต มาเลเซีย ที่ยึดได้คิดเป็นเงินไทยเท่าไร ยืนยันปี 2563 ได้ทำหนังสือเตือนแจ้งให้พนักงานสอบสวนเร่งส่งผลสอบเพิ่มมาแต่ก็ยังไม่ได้ ขณะที่สำนักงานศาลยุติธรรม ยืนยันเช่นกันว่า ได้ออกหมายจับนายสหชัย พร้อมส่งหมายจับไปให้ ผบก.ภ. จว.ปัตตานี และ ผกก.สภ.บ้าน แหลม ตั้งแต่ ต.ค. 2557

หลังกลายเป็นเรื่องใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน่วยงานยุติธรรม?  ปัจจุบันเทคโนโลยีล้ำสมัย การเชื่อมโยงข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ แทบจะเป็นเรื่องไร้พรมแดน เมื่อมาเกิดช่องโหว่ในการตรวจสอบ “หมายจับ” ของเสี่ยโจ้ ต้องใช้เวลานานกว่า 1 วันจึงจะตรวจเจอว่ายังมีหมายจับอื่นค้างคาอยู่จริง แต่ก็สายเกินไปเพราะผู้ต้องหาได้ติดปีกหนีไปเรียบร้อยแล้ว

คดีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ต้องรีบออกมาสั่งการด่วนทันควันแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องเสี่ยโจ้ ข้อหาร่วมกันฟอกเงินได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานกฎหมายและคดี เป็นผู้พิจารณาทำความเห็นแย้งไปยังอัยการ ส่วน 2.กรณีศาลจังหวัดปัตตานี ส่งหมายจับไปให้แก่ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ ผกก.สภ.บ้านแหลม แต่ตำรวจกลับไม่พบหมายจับดังกล่าวในระบบฐานข้อมูลนั้น ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส), พล.ต.อ.วิษณุ ปราสาททองโอสถ จตช. และ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ร่วมกันตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว แล้วรายงานผลให้ทราบภายใน 3 วัน หากตรวจสอบแล้วปรากฏว่า มีกรณีเป็นที่สงสัยว่า ข้าราชการตำรวจผู้ใดกระทำผิดวินัย หรือมีพฤติการณ์การกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิดอาญาให้ ผบช.ภ.9 ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ทันที

เรื่องราวปูมหลัง เสี่ยโจ้ ที่ได้รับขนานนามว่าเป็น เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ นั้นยังมีอีกหลายปมฉาวที่ถูกหมกเอาไว้ ทีมข่าว 1/4 Special Report จะค่อย ๆ นำมาเตือนความทรงจำ โดยเฉพาะ “ส่วยน้ำมันเถื่อน” ว่ากันว่าเป็นแหล่งขุมทรัพย์ ที่ใช้จ่ายเบิกทางให้กับ “กลุ่มเจ้าหน้าที่นอกรีต” สารพัดหน่วยงาน “บัญชีส่วย” ที่เสี่ยโจ้จ่ายให้ใครบ้างนั้น ทำไว้ค่อนข้างละเอียด ไม่ใช่มีเพียงแค่ชื่อผู้รับ-มีเบอร์โทรศัพท์-เลขบัญชีธนาคารครบถ้วน

ยิ่งปัจจุบันราคาน้ำมันขยับขึ้นรายวัน “น้ำมันเถื่อน” จึงเป็นแหล่งทำเงินมหาศาล ช่วงนี้ถูกทั้งตำรวจน้ำ-ทหารเรือ สกัดจับกุมได้กลางทะเล แทบจะทุกสัปดาห์!!.