วันที่ 17 ต.ค. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมขยายมาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตรไปจนถึงสิ้นปี 2567 จากที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค. 2567 นี้ แม้ภาวะสงครามในตะวันออกกลางจะยืดเยื้อ แต่จะพยายามดูแลราคาไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน
รายงานข่าวแจ้งว่า สถานะล่าสุด ณ วันที่ 17 ต.ค. 2567 มีการนำส่งเงินในส่วนของน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันละ 148 ล้านบาท ดีเซลนำส่งเงินเข้ากองทุนวันละ 142 ล้านบาท ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้มวันละ 2.35 ล้านบาท ทำให้สุทธิกองทุนมีเงินไหลเข้าวันละประมาณ 293 ล้านบาท ส่งผลให้สถานะกองทุนติดลบน้อยลง โดย ณ วันที่ 13 ต.ค. 2567 กองทุนติดลบ 95,333 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 47,885 ล้านบาท และ เป็นบัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 47,448 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในช่วงต้นเดือน พ.ย. 2567 นี้ กองทุนต้องเริ่มชำระคืนเงินต้นงวดแรก 100 กว่าล้านบาท จากยอดเงินกู้ก้อนแรก 5,000 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศก่อนหน้านี้ ที่มีกำหนดชำระคืนแล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับตั้งแต่เดือน พ.ย.นี้ รวมกับดอกเบี้ยที่ต้องชำระเดือนละประมาณ 250 ล้านบาท
ดังนั้นกองทุนต้องหาเงินชำระ และต้องมีเงินในการบริหารจัดการการชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยในเดือน พ.ย.นี้ รวมประมาณ 400-500 ล้านบาท ส่วนการชำระคืนเงินกู้ที่เหลือจากเงินกู้ทั้งสิ้น 1.1 แสนล้านบาท จะแบ่งชำระคืนตามสัญญาที่กำหนดไว้