จากกรณี “พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ” พระนักเทศน์ชื่อดัง วัดสร้อยทอง ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ประกาศเตรียมสละสมณเพศ เหตุ “พระราชปัญญาสุธี” รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ร่ำไห้ยอมอารยะขัดขืน ก่อนเปรยคิดถึงสมัยบวชเณร เข้าไปกอดโยมแม่ แล้วแม่บอกว่า “จะเป็นการกอดครั้งสุดท้าย” รับหลังจากสึกจะกลับไปดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโลกออนไลน์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเพจเฟซบุ๊ก “หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)” ระบุว่า “เสียดายผ้าเหลือง คนพวกนี้แค่เข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากินแท้ๆ พระมหาสมปอง ถามว่า ถ้าท่านเจ้าคุณอุทัยไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส พระมหาไพรวัลย์ จะไม่อยู่วัดสร้อยทองจริงหรือไม่
พระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่า ไม่อยู่ครับ พร้อมระบุว่า ถ้าไม่อยู่เป็นพระก็อยู่เป็นฆราวาส เมื่อพระมหาสมปอง ถามย้ำว่า หมายถึงถ้าไม่อยู่เป็นพระก็คือสึกเลยใช่หรือไม่ พระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่า ก็อาจจะครับพระอาจารย์ พร้อมกล่าวต่อถึงคำถามว่า จะไปทำอะไรเพราะบวชมาตลอดว่า ผมไม่จำเป็นต้องเป็นครูเป็นอาจารย์ หรือต้องเป็นอะไรผมไม่อดตายอยู่แล้ว ผมสูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นหลักการใช้ชีวิตของผมอยู่แล้ว ไม่คืนวันนี้ วันตาย ก็ต้องคืนอยู่ดี มันคือ ธรรมะ
ผมมาไกล เกินที่ผมจะหวัง จะฝันอะไรแล้ว จากที่เป็นพระตัวดำๆ ไม่หล่อเหลา ไม่ได้ดัง แต่มีคนรู้จักเป็นล้าน ผมพอแล้ว ชีวิตต้องแบกอะไรที่มันเยอะกว่านี้เหรอครับ
ด้านพระมหาสมปอง กล่าวว่า สำหรับอาตมาอาจจะต้องดีเลย์หน่อย ยังมีอะไรต้องเคลียร์อยู่ ถ้าท่านเจ้าคุณอุทัย ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ขออนุญาตเจ้าอาวาสท่านใหม่ ว่า จะขออยู่ต่อสัก 2 ปี แล้วกัน
เห็นบทสนทนาของมหาทั้งสองรูปแล้ว ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นว่า สิ่งที่มหาทั้งสองทำอยู่และแสดงออก มองไม่เห็นเลยว่า พระพุทธศาสนาจะได้ประโยชน์อะไร พระธรรมวินัย ได้ประโยชน์อะไร สังฆมณฑลได้ประโยชน์อะไร และวัดสร้อยทองจักได้ประโยชน์อะไรกับพฤติกรรมของมหาทั้งสองรูปนี้ แต่ที่เห็นได้แน่ๆ มหาสองรูปนี้ได้รับมาตลอด คือ
1.จากเด็กบ้านนอก ฐานะยากจน ได้เข้ามาอาศัยในวัด บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ น้ำไฟไม่เสีย เรียนหนังสือโดยใช้ทุนของศาสนาและพระเจ้าอยู่หัว
2.ได้ยกสถานะ จากลูกชาวบ้าน ไม่มีเงินฝากธนาคารสักบาท แต่ปัจจุบันมีเป็นแสนเป็นล้านรวยกันล้นหลาม
3.ได้ใบปริญญาคนละหลายๆ ใบจากการอาศัยศาสนาร่ำเรียน
4.เมื่อได้ใบปริญญาแล้ว ได้เปรียญธรรมแล้ว แทนที่จะทำคุณประโยชน์ทดแทนคุณพระพุทธศาสนา กลับใช้ความสำเร็จของตนมาสร้างฐานะทางสังคม กอบโกยทั้งทรัพย์สินเงินทอง บริษัทบริวาร แล้วมุ่งมั่นมัวเมาในสิ่งที่ได้ จนมีสภาพอย่างที่เห็น
5.แต่ที่รับไม่ได้คือตนเป็นถึงนาคหลวง พระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงพระราชทานการบวชให้ โดยมารยาท ธรรมเนียมปฏิบัติ และโดยจิตสำนึกกตัญญู การที่ภิกษุใดได้เป็นนาคหลวงพระราชทาน เมื่อปรารถนาจะสึกออกจากความเป็นพระ จะต้องถวายฎีกากราบบังคมทูลขอลาสึก
แต่มหาไม่เคยแม้แต่จะพูดหรือมีจิตสำนึกระลึกถึงพระคุณที่ทรงมีพระเมตตา ไอ้คนแบบนี้หรือ จะถามหาความเจริญ ลักษณะอย่างนี้แหละ คือ ผู้บวชเข้ามาอาศัยผ้าเหลือง ไม่ใช่ให้ผ้าเหลืองอาศัยผู้บวช พุทธะอิสระ”..
ขอบคุณภาพประกอบ : พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ, หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)