เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ทีมข่าวเฉพาะกิจ เดลินิวส์ รายงานว่า (เมื่อวันที่ 21 ต.ค.67) ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ นางรำไพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาว ต.สะเดียว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ นำ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ลูกสาว พร้อมด้วยทนายอ้วน หรือนายสิทธิชัย ต๊ะอาจ เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ ผวจ.เพชรบูรณ์ เพื่อขอความเป็นธรรม อ้างว่า น.ส.เอ ถูกวัยรุ่น 10 คน รุมโทรมอย่างป่าเถื่อน อีกทั้งหลังเกิดเหตุสองแม่ลูก ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงตลอดเวลา เนื่องจากแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี ซ้ำร้ายยังถูกกลุ่มวัยรุ่นก่อกวนอยู่ตลอดเวลา และลือกันว่า ในบรรดาผู้ก่อเหตุมีลูกคนมีสี ที่มีอิทธิพลในพื้นที่รวมอยู่ด้วย โดยมี นายธรวิวรรธน์ พันธ์เจริญ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ รับเรื่อง

นางรำไพ กล่าวว่า ก่อนที่จะมาถึงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อขอความเป็นธรรม ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์นั้น ตนได้นำบุตรสาวของตนไปแจ้งความยัง สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมาแต่จนถึงวันนี้ปรากฏไม่มีความคืบหน้าทางคดีแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีข่าวลือว่ากลุ่มวัยรุ่นที่รุมโทรมบุตรสาวของตนมีลูกคนมีสีที่มีอิทธิพลในพื้นที่ ซ้ำร้ายตั้งแต่ได้เข้าไปแจ้งความก็จะมีกลุ่มวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซด์เวียนผ่านหน้าบ้านเป็นประจำ จนทำให้ไม่เป็นอันกินอันนอน เกรงว่าจะได้รับอันตรายจึงได้ตัดสินใจเข้าร้องต่อ ผวจ.เพชรบูรณ์

นางรำไพ กล่าวว่า ที่รู้ว่าบุตรสาวถูกรุมโทรมนั้น เกิดจากความผิดปกติของบุตรสาวที่ซึมเศร้า อีกทั้งยังมีกลุ่มวัยรุ่นสลับหน้ากันมาที่หน้าบ้าน บางคนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปมา บางคนก็เดินเข้ามาในบ้าน และทุกครั้งที่มาบุตรสาวจะมีอาการหวาดกลัวผิดปกติ จึงได้คาดคั้นจนรู้ภายหลังว่า ถูกรุมโทรมตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2567 เป็นฝีมือกลุ่มวัยรุ่นตลาดโพธิ์จันทร์ รวม 10 คน หลังที่ถูกเพื่อนสาวโทรศัพท์หลอกให้ออกไปพบ และเมื่อไปถึงได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุช่วยกันจับตัวขึงพืด จากนั้นใช้ผงสีขาวไม่ทราบชนิดยัดปากและจมูก ทำให้บุตรสาวเกิดอาการแขนขา อ่อนแรงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นชาย 10 คน พากันลงมือข่มขืนหมุมเวียนกันอย่างบ้าคลั่ง พร้อมถ่ายคลิปวีดีโอไว้ข่มขู่ ซึ่งถึงแม้จะมีอาการอ่อนแรง แต่ยืนยันว่าจำหน้าได้ครบทุกคน จึงพาไปแจ้งความเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา แต่คดีไม่คืบ

หลังรับเรื่อง นายธรวิวรรธน์ ได้ประสานไปยัง ตำรวจ ภ.จว.เพชรบูรณ์ และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้มาชี้แจงความคืบหน้าคดี ขณะที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาชี้แจ้งว่า เบื้องต้นได้ทำหนังสือประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนนทบุรี เพื่อประสานข้อมูลและช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น เนื่องจากหญิง 19 ปี ผู้เสียหายหวาดกลัวไม่กล้าอยู่บ้านที่เพชรบูรณ์ และพากันไปหลบอาศัยอยู่ด้วยกันที่ จ.นนทบุรี

ด้าน พ.ต.ท.จักริน วงเทวัญ สว.สอบสวน ภ.จว.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า คดีนี้ พล.ต.ต.สารนัย คงเมือง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ ได้ทราบเรื่องนี้แล้ว และคดีก็มีความคืบหน้าไปมาก พร้อมทั้งได้มีการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาแล้ว 4 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันโทรมหญิง ในวันพฤหัสบดีที่ 24 ต.ค.2567 ที่จะถึงนี้ และจะทำการสอบสวนขยายผลติดตามวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุที่เหลือมาดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน ทั้งหมดต่อไป โดยสั่งการเน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

น.ส.ภาวนา ธนคุณารักษ์ ผอ.สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบูรณ์ ปฎิบัติหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว ในหลักเกณฑ์จะต้องพิจารณาเรื่องของ พ.ร.บ.ตอบแทนผู้เสียหายค่าทดแทน ค่าใช้จ่ายในคดีอาญา ซึ่งในส่วนนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี จะต้องเป็นผู้แจ้งสิทธิให้กับผู้เสียหาย และจะช่วยเหลือทางคดีอาญา กรณีผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถขอค่าใช้จ่ายทนายความและค่าธรรมเนียมศาล เพื่อที่จะนำไปใช้ต่อสู้ในสิทธิของตนอีกขั้นตอนหนึ่ง

ทั้งนี้มีทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ ได้สอบถามไปที่ พ.ต.ท.วิริยะ กิ่งแก้ว รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองเพชรบูรณ์ แจ้งว่าให้ไปสอบถาม พ.ต.อ.ชัชวาล พวงคิด ผกก.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ แต่พอสื่อมวลชนโทรไปสอบถาม ก็ได้ปฎิเสธจะให้สัมภาษณ์