เมื่อเวลา 09.25 น. วันที่ 22 ต.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (อู่ตะเพา -สุวรรณกภูมิ- ดอนเมือง) ว่า วันนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา ตนยืนยันว่าการแก้ไขสัญญาเกิดจากเอกชนและภาครัฐผิดสัญญา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของชุดไวรัสโควิด-19 ทำให้โครงการเกิดความล่าช้า ทำให้รัฐบาลไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนได้ ขณะที่เอกชนก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงเป็นต่างคนต่างผิดสัญญา จึงต้องพิจารณาใหม่ เนื่องจากเป็นหนึ่งในโครงการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งหากเชื่อม 3 สนามบินจะทำให้ประชาชนเดินทางสะดวก การค้าขายดีขึ้น จึงต้องเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป จึงต้องมาพิจารณาร่วมกันในการแก้ไขสัญญา เพื่อไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ โดยสัญญาเดิมจะให้เอกชนสร้างจนเสร็จ และหลังจากนั้น 10 ปีรัฐบาลจะค่อยชำระเงิน
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ส่วนสัญญาใหม่ ที่จะให้เอกชนนำเงินมาวางค้ำประกันจากธนาคารเพื่อการันตี และเมื่อสร้างเสร็จ รัฐบาลจะคืน หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร หรือ แบงก์การันตีให้ โดยในการก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ะช่วงจะแบ่งเป็นแต่ละสัญญา หากมีการทิ้งงานรัฐจะนำเงินค้ำประกันจ้างผู้ประกอบการรายใหม่
นายสุริยะ กล่าวยืนยันว่า ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใหญ่ โดยดอกเบี้ยเอกชนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และไม่สามารถเอื้อประโยชน์ให้ได้เนื่องจากสัญญานั้น ได้ให้อัยการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว โดยการนำเข้าครม.จะผ่านโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายก ฯ และรมว.คลัง เป็นผู้รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าจะสามารถทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจในการแก้ไขสัญญาโครงการดังกล่าวได้