เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม.พร้อมด้วย นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกทม. ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าฯกทม. ในการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าบริเวณซอยอารีย์ 1 เขตพญาไท โดยมี นายอนุชิต พิพิธกุล ผอ.สำนักเทศกิจ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตพญาไท สำนักเทศกิจ ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล 


รองผู้ว่าฯกทม.  กล่าวว่า วันนี้เป็นการลงพื้นที่ติดตามการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าบริเวณซอยอารีย์ 1 เขตพญาไท ซึ่งเป็นจุดได้รับการร้องเรียนผ่านทาง Traffy Fondue ถึงความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย มีการตั้งวางแผงค้ารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทางเท้า ประชาชนต้องลงไปเดินบนถนน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายจากการถูกรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชน อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดตามมา 


จากการลงพื้นที่พบว่าบริเวณซอยอารีย์ 1 ผู้ค้าส่วนใหญ่ขายอาหารปรุงสำเร็จพร้อมรับประทาน อาหารแห้ง ขนมนมเนย เครื่องดื่มชากาแฟ เสื้อผ้าสำเร็จรูป และสินค้าเบ็ดเตล็ด จะตั้งวางแผงค้าอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารในซอยอารีย์ 1 ทั้ง 2 ฝั่ง อย่างไรก็ตามบริเวณซอยอารีย์ 1 ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทำการค้าที่เขตฯ กำหนดไว้ แต่มีพื้นที่ทำการค้าที่อยู่ติดกันคือ ซอยพหลโยธิน 7 ฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน โดยได้กำชับให้เขตฯ กวดขันผู้ค้าไม่ให้ตั้งวางสิ่งของรุกล้ำเกินเข้ามาในพื้นที่ทางเท้า เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่ 


รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนนหรือสถานสาธารณะ ในข้อ 3 ประกาศนี้ไม่ใช้บังคับกับพื้นที่ที่มีอัตลักษณ์ วิถีชุมชน ตลาดชุมชน ย่านพื้นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือลักษณะอื่นในทำนองเดียวกัน หรือที่กรุงเทพมหานครกำหนด 


โดยได้มอบหมายให้สำนักเทศกิจและสำนักงานเขต ร่วมกันพิจารณาพื้นที่ทำการค้าที่อยู่ในลักษณะดังกล่าว เพื่อกำหนดเป็นแนวทางการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงพิจารณาออกข้อกำหนดเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมและครบถ้วน นอกจากนี้ให้เขตฯ ติดตามการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทำการค้าปี 67 ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค.67 


จากนั้นประเมินการตรวจพื้นที่ทำการค้าตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทำการค้าปี 67 ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. ถึงวันที่ 31 มี.ค.68 โดยนำผลการประเมินฯ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาให้เป็นจุดผ่อนผัน หรือยกเลิกพื้นที่ทำการค้า ระหว่างวันที่ 1 เม.ย. ถึงวันที่ 30 มิ.ย.68 กำหนดประกาศให้เป็นจุดผ่อนผัน หรือยกเลิกพื้นที่ทำการค้า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.68 


“การจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เจ้าหน้าที่เทศกิจควรศึกษาทำความเข้าใจในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขพื้นที่ทำการค้าปี 67 อย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ มีความแม่นยำในประกาศทั้ง 16 ข้อ เพื่อให้การปฏิบัติงานสำเร็จลุล่วงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อประกาศฉบับใหม่ออกมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 67 ควรบังคับใช้หลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ทำการค้าปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ยึดหลักความถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ เพื่อให้การจัดระเบียบพื้นที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากผู้ค้าปฏิบัติได้ตามหลักเกณฑ์และเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด จะผลักดันให้เป็นจุดผ่อนผัน หากผู้ค้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม จะยกเลิกพื้นที่ทำการค้าดังกล่าวต่อไป” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว


ปัจจุบันเขตพญาไท มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน จำนวน 3 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 165 ราย  ส่วนพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน จำนวน 4 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 119 ราย นอกจากนี้ เขตฯ ได้ประสานความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME BANK) จัดทำ Hawker Center บริเวณพื้นที่ชั้น 1 ของอาคาร รองรับผู้ค้าได้ 50 ราย และพื้นที่ด้านนอกอาคาร รองรับผู้ค้าได้ 25 ราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ต่อมาได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ ให้ใช้พื้นที่ด้านหน้าอาคาร 10 จัดทำ Hawker Center รองรับผู้ค้าได้ 25 ราย และพื้นที่ด้านนอกอาคาร รองรับผู้ค้าได้ 25 ราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย .