ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ได้เห็นภาพ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร พร้อมคณะรัฐมนตรี ขึ้นเหนือไปติดตามสถานการณ์อุทกภัย พร้อมติดตามการฟื้นฟูพื้นที่ได้รับผลกระทบ ไล่ตั้งแต่ที่บ้านเกาะทราย บ้านไม้ลุงขน และบ้านเหมืองแดง ต.แม่สาย .แม่สาย จ.เชียงราย และในพื้นที่ ต.วัดเกต.เมือง จ.เชียงใหม่ สภาพหลายหมู่บ้านเสียหายอย่างหนัก

เรียกว่าคณะนายกฯ ลุยทั้งน้ำดินโคลน สัมผัสความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ไม่เคยเจอมาก่อน!!

การแก้ปัญหาภาวะวิกฤติเฉพาะหน้าครั้งนี้ ภาครัฐระดมหลายภาคส่วนเข้าไปร่วมขับเคลื่อนเกาะติดอย่างต่อเนื่อง บรรดาเหล่าทัพ มีทั้ง ทหารบก-ทหารเรือ-ทหารอากาศ-ตำรวจ เข้าไปในพื้นที่ จ.เชียงราย และเชียงใหม่ โดยมี บิ๊กอ๊อบ-พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. จัดกำลัง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ชุดบรรเทาสาธารณภัยทุกเหล่าทัพ สลับผลัดเปลี่ยนกัน ลงไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยจนได้รับความชื่นชมจากชาวบ้านว่า ทหาร-ตำรวจ ยังคงเป็นที่พึ่งในยามเดือดร้อน

ผลพวงควันหลงจากหางเลข พายุแค่ 2 ลูก ยังเล่นงานหลายจังหวัดทางภาคเหนือจนอ่วมอรทัย!! ที่สำคัญยังทำให้เห็น มวลน้ำเหนือก้อนใหญ่ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างครบ แม่น้ำสายหลักทั้ง 4 สายแล้ว ปิงวังยมน่าน จะหลากมารวมกันที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ ก่อนจะมาถึง ด่านสุดท้าย เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปลายเดือน ส.ค. มวลน้ำเหนือเคยลงมาแล้ว 1 ระลอก แต่ต้นเดือน ต.ค.นี้ จะเป็น “มวลน้ำก้อนใหญ่” จับสัญญาณได้จาก เขื่อนเจ้าพระยา ประกาศเร่งระบายน้ำต่อเนื่อง

รัฐบาลได้ตั้งทั้ง คณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) และ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ขึ้นมาชัดเจน มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรฯ, มหาดไทย, ทรัพยากรธรรมชาติฯ, คมนาคม และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฯลฯ ยังพอมีเวลาระดมสมองวางแผนแบบรอบคอบ เพื่อจัดการรับมือ “มวลน้ำจากเหนือ“ ที่กำลังหลากลงมาในเดือน ต..

จากรับมือ พายุภัยธรรมชาติ แล้ว รัฐบาลก็เดินหน้าลุย นโยบายโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ด้วยความคาดหวังจะกลายเป็น “พายุหมุน” กระตุ้นเศรษฐกิจ อัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ เฟสแรก 145,552.40 ล้านบาท ให้ประชาชน กลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน ได้รับเงินสดคนละ 1 หมื่นบาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ท่ามกลางบรรยากาศแห่กดเงินคึกคักทั่วประเทศ ชาวบ้านบางครอบครัวน้ำตารินขอบคุณรัฐบาล ทั้งชีวิตไม่เคยสัมผัสเงินหมื่น

ความหวัง พายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลาง ปัญหาวิกฤติเฉพาะหน้า เหนือความคาดหมายหลาย ๆ เรื่องที่ก่อตัวขึ้นมาพอดี เอาแค่ ภัยธรรมชาติ ต้องเฝ้าลุ้นจะมีพายุลูกไหนมาเติมอีกหรือไม่? อีกทั้งตอนนี้มาเจอ สภาวะเงินบาทแข็งค่า เข้าไปอีกเรื่องกำลังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการส่งออก และรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศ ขณะที่โครงการดิจิทัลฯ ยังเหลืออีก 26 ล้านคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ ต้องใช้งบประมาณอีกนับแสนล้านบาท รัฐบาลแบะท่าแล้วว่าคงอัดฉีดไม่ทันภายในสิ้นปี 2567 อีกทั้งแนวโน้มอาจถูกปรับลดเหลือเพียงคนละ 5 พันบาท

พายุหมุนลูกแรก 1.45 แสนล้านบาท อัดฉีดเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจ จะสัมฤทธิผลมากน้อยแค่ไหน? คงต้องเอาใจช่วยรัฐบาลแพทองธาร ที่มาตามเส้นทางประชาธิปไตย ไม่ได้ยึดอำนาจรัฐประหารใครมา ฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาไปให้ได้

บรรรดากุนซือคณะที่ปรึกษานโยบายนายกฯ ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เมื่อตั้งขึ้นมาแล้วต้องร่วมขบคิดแก้สถานการณ์ในเมื่อ “พายุหมุนลูกที่สอง” ต้องทิ้งช่วงห่างกันเช่นนี้ จะหาแนวทางใดมาช่วยอุดช่องว่าง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้แท้จริง!!.

………………………………..
เชิงผา

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…