เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษ โดยมีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. … วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต วาระ 2 และ 3 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานประธาน กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ
นายวีระ ธีระภัทรานนท์ กมธ. เสียงข้างน้อย จากพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ให้รัฐบาลถอยคันเร่งในการใช้โครงการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเห็นชัดเจนว่ามีปัญหาและอาจต้องส่งให้องค์กรอิสระตีความในในอนาคต นอกจากนั้น ขอให้รัฐบาลอย่ามองข้ามปัญหาเศรษฐกิจที่เคยเกิดขึ้นที่ประเทศกรีซ นอกจากนั้นในสถานการณ์ของงบประมาณในประเด็นพบสัญญาณที่เป็นอันตราย คือ ส่วนรายจ่ายดอกเบี้ยที่สูงเกือบร้อยละ 10 ของรายได้ที่หามาได้ โดยในการจัดทำงบปี 68 พบมีการตั้งงบเพื่อชดใช้หนี้ 4.1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 1.5 แสนล้านบาท และดอกเบี้ย 2.6 แสนล้านบาท เท่ากับร้อยละ 9 นอกจากนั้นคือการทำงบขาดดุลสูงที่สุด ติดเพดานงบขาดดุลมากไม่เคยมีมาก่อน ขณะนี้มียอดขาดดุลรวม 8.05 แสนล้านบาท ซึ่งมีเพดานที่สูงสุดโดยไม่ผิดกฎหมาย คือ 8.15 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงเหลือเงิน 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้นในข้อกังวลคือวิกฤติการเงินการคลังในอนาคตหากบริหารจัดการไม่ถูกต้อง ไม่รอบคอบ
“นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ได้นำเป้าหมายสร้างความชอบธรรมในวิธีการดังกล่าวอันตราย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นนโยบายหาเสียงที่เป็นภาระต่องบประมาณ และอาจเป็นตัวอย่างของการทำนโยบายที่เสี่ยงต่อการทำงบประมาณในอนาคต ดังนั้นขอให้ สส. พิจารณาก่อนลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว” นายวีระ กล่าว.