ยังเป็นประเด็นร้อน ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองที่มีสส.มากที่สุด ดังนั้นชะตากรรมของ” พรรคก้าวไกล( ก.ก.)” หลังศาลรัฐธรรมนูญ(รธน.) นัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขวันที่ 7 ส.ค. จึงถูกจับตามองแบบไม่กระพริบตา ก่อนหน้านี้ “ไหม”ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก.ก. ออกมาระบุว่า พร้อมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคใหม่ เพื่อเข้ามาสานต่ออุดมการณ์ก.ก. และมีการเตรียมการไว้แล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ โดยสส.พร้อมที่จะไปอยู่บ้านหลังใหม่ด้วยกัน และเห็นว่าการประเทศไทย มีผู้นำพรรคการเมืองที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น น่าจะเป็นมิติใหม่ที่ดี เหมือนกับรับสภาพกับชะตากรรมที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม “นายพริษฐ์ วัชรสินธุ” สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก.ก. ออกมาเปิดเผยถึงแนวทางของพรรคก.ก. ในการต่อสู้คดียุบพรรคว่า วันที่ 2 ส.ค.เวลา 15.00 น.นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก.ก. และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จะแถลงต่อสาธารณะถึงคำแถลงปิดคดีเพื่อมายืนยันอีกครั้ง ถึงแนวทางที่พรรคฯดำเนินการต่อสู้และปกป้องพรรคฯเป็นอย่างไรบ้าง “ยืนยันไม่ได้ถอดใจว่าพรรคจะถูกยุบและไม่อยากให้สังคมด่วนสรุปว่า พรรคจะถูกยุบ และเราจะพยายามทำเต็มที่เพื่อปกป้องพรรค”
สำหรับเนื้อหาสาระในการแถลงนั้น จะเป็นการเผยแพร่และสรุปคำแถลงปิดคดี ซึ่งเป็นข้อมูลชุดเดียวกันกับที่เรายื่นต่อศาลรธน.เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นความพยายามจะยืนยันแนวทางการต่อสู้อีกครั้งหนึ่งทั้งเรื่องการต่อสู้เรื่องกระบวนการ ที่เรามองว่าไม่ชอบในการยื่นเรื่องของการยุบพรรคโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)รวมถึงการสู้ในเชิงเนื้อหาสาระด้วย ยืนยันว่าสิ่งที่เราทำไปไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แต่แนวทางการรับมือของพรรคก.ก. หากกระบวนการยุบพรรคเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่หลายคนรอลุ้น ว่า จะใช้พรรคการเมืองไหนช่วยขับเคลื่อน ยิ่งมีข่าวหลายพรรคจ้องจะดึง สส.พรรคก.ก.ไปร่วมงานด้วย ดังนั้นพรรคใหม่ที่แกนนำพรรคก.ก.เตรียมการไว้ จะมีสส.ที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเดินตามร่วมงานด้วยจนครบหรือไม่ รวมถึงการออกมาให้ความเห็น หรือปล่อยคลิปในรูปแบบต่างๆ อาจถูกมองว่าเป็นการกดดันศาลรธน.
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ”นายเศรษฐา ทวีสิน”นายกรัฐมนตรี ซึ่งยังต้องลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรธน. หลังอดีต40 สมาชิกวุฒิสภา(สว. ) ยื่นร้อง กรณีแต่งตั้ง”นายพิชิต ชื่นบาน” เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยนายกฯได้ส่งคำแถลงปิดคดีไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ตอนหนึ่งระบุว่า ตัวเองไม่มีภูมิหลังทางการศึกษาด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ มีประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดินที่จำกัด จึงไม่อาจรู้หรือควรรู้ว่านายพิชิตเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรธน.มาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจวินิจฉัยของศาลรธน. “ซึ่งมีการใช้คำชี้แจงดังกล่าวหลายครั้ง”
คงต้องรอดูว่า คำวินิจฉัยวันที่ 14 ส.ค. นายกฯจะรอดหรือจะร่วง แต่ไล่ตามความเห็นของนักวิชาการทั่ว ไป ส่วนใหญ่เชื่อว่าคำวินิจฉัยคดีหัวหน้ารัฐบาล จะออกมาในทางบวก ยิ่งได้”นายวิษณุ เครืองาม “กูรูด้านกฎหมาย มาช่วยให้คำปรึกษาในการทำคำชี้แจง ยิ่งสร้างความมั่นใจได้มากทีเดียว เพราะหากผลออกมาเป็นลบ จะเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองมากเลยทีเดียว ทั้งสูตรจัดตั้งรัฐบาลจะเปลี่ยนหรือไม่ ใครจะเข้ามาทำหน้าที่นายกฯ
ส่วนอีกประเด็นที่เกี่ยวข้องการทำงานของรัฐบาล มีคำถามตามมา หาก”นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ พ้นจากการพักโทษในวันที่ 22 ส.ค. กลายเป็นคนบริสุทธิ์ นายเศรษฐาจะดึงมาช่วยงานในฝ่ายบริหารหรือไม่ งหัวหน้ารัฐบาลชี้แจงว่า เรื่องแรกคือต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมถึงจะได้รับการพ้นโทษ เรื่องนี้ไม่ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนใดแล้ว ส่วนเรื่องที่จะให้มาช่วยงานรัฐบาลยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยกัน ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้ปฏิเสธที่จะให้เข้าใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ปฏิเสธที่จะพูดคุยกัน คงมีการพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเรื่องนี้ต้องเป็นเป็นไปตามความประสงค์ของท่านด้วย ไม่ใช่ของผมฝ่ายเดียว ยืนยันว่ายินดี และพร้อมยินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกทุกท่าน“
นั่นหมายความว่า “นายเศรษฐา” พร้อมเปิดทางให้”นายทักษิณ” ได้เข้ามาช่วยในฝ่ายบริหาร คงต้องรอดูว่า จะมีคำสั่งแต่งตั้งเป็นทางการหรือไม่ อย่าลืมว่า การที่นายกฯก้าวเข้ามามีตำแหน่งทางการเมืองได้ ด้วยการสนับสนุนจาก “พรรคพท.” ดังนั้นย่อมต้องเกิดอาการเกรงใจผู้มีอำนาจตัวจริง คงต้องรอดูหลังวันที่ 22 ส.ค. บทบาทอดีตนายกฯจะล้ำหน้าหัวหน้ารัฐบาลหรือไม่
ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) ยังต้องถูกเลี้ยงไข้ต่อไป หลัง”นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช “สมาชิกพรรคพปชร. มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเชิงต่อว่า และตำหนิ การทำงานของรัฐบาล ที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ด้วยถ้อยทำที่รุนแรง รวมไปถึงการเผยแพร่เพลงที่เกี่ยวข้องกับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพปชร. ออกมาทั้ง 2 เพลง เหมือนต้องการเกาะกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น ทำให้กลุ่มไลน์ สส.ของพรรค พปชร. ที่มีสมาชิกอยู่ประมาณ 40 คน โจมตีนายสามารถอย่างดุเดือด
อีกทั้งยังมีสส.บางคนของพรรคระบุว่า ว่า ในวันที่30 ก.ค.67) ที่จะมีการประชุมพรรค จะขอคุยกับนาย คุยตรงๆ ร่วมมือกันแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะเป็นคนกล้าพูดอยู่แล้ว อย่างน้อยได้พูดความรู้สึกของพวกเราให้นายทราบ พวกเรารักนายป้อม ทุกคนยืนเคียงข้างนายป้อม แต่สถานะการพรรค แนวทางพรรค ควรขับเคลื่อนหลักโดยสส.และกรรมการบริหารพรรค(กก.บห. ) ที่รักพรรคนี้จริงๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงวันที่ต้องประชุมพรรค ”พล.อ.ประวิตร” เกิดอาการท้องเสีย ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ยังมีกำหนดเดินทางไปกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อให้กำลังใจนักกีฬาไทย ที่ไปร่วมแข่งขันโอลิมปิก 2024 ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทย ดังนั้นคงต้องรอหัวหน้าพรรคพปชร.เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อมาเคลียร์ปมความขัดแย้งในพรรค เพราะ”นายสามารถ” ก็ถือเป็นคนใกล้ชิดพล.อ.ประวิตร
ส่วนกรณี” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกมาให้สัมภาษณ์ระบุว่า ถ้านายสามารถยังไม่หยุดเคลื่อนไหว สร้างความเสียหายให้พรรค จะเจอขับออกจากพรรคพปชร.โดยระบุว่า “ถ้านายสามารถยังไม่จบ ไม่หยุด จะใช้มติ กก.บห.พรรค ขับไล่ออกไป ซึ่งเคยขับไล่ออกไปแล้วรอบหนึ่ง ย้ำว่าหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค รวมถึงกก.บห.เดินในทิศทางเดียวกัน ไม่มีความแตกแยก และสส. 40 คน ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีแต่คนภายนอกที่เข้ามาแส่ ส่วนตนจะหมายถึงใครที่เป็นคนนอก สื่อมวลชนก็น่าจะทราบ และเข้าใจดี ยืนยันว่าตน และพล.อ.ประวิตรคุยกันทุกวัน”
ด้าน”นายสามารถ “ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า “ไม่ต้องขู่ ไม่ต้องไล่ ให้ลุงป้อมโทรบอกคำเดียวลาออกเลย อีกทั้งได้ถามพล.อ.ประวิตร จะให้ลาออกจากสมาชิกพรรคพปชร.หรือไม่ พล.อ. ประวิตร ตอบว่า “ไม่ต้องลาออก จะลาออกทำอะไร” ต้องรอดู “พล.อ.ประวิตร” จะแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างไร ในเมื่อ”นายสามารถ” ก็พยายามหาช่องทางในการสนับสนุน หัวหน้าพรรคพปชร.ให้เป็นนายกฯ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็คุมสส.ภายในพรรค ยิ่งบางคนมองว่า บารมีที่เคยมากล้น มาถึงวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.