เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดงานสัมมนา “การยกระดับศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพของประเทศไทย” โดยมี นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร นายมนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง สส.สุโขทัย นางสาวประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย นายจักรวาล ชัยวิรัตน์กุล สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นางสงวน มะเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และ อสม. กว่า 500 คน เข้าร่วม ที่โรงเรียนเมืองเชลียง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อสม. ถือเป็นบุคคลสำคัญ ในการพัฒนาการแพทย์ปฐมภูมิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านการส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ที่เป็นปัญหาสำคัญ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่เป็นปัญหาสำคัญ ในระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยกระทรวงสาธารณสุข จึงส่งเสริม อสม. ให้มีองค์ความรู้ เพิ่มพูนความสามารถให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นสมาร์ต อสม. และยกระดับบทบาทหน้าที่ของ อสม. เช่น การเป็นเฮลท์ ไรเดอร์ ทำหน้าที่นำส่งยา และองค์ความรู้ในการดูแลสุขภาพสู่ชุมชน ซึ่งจะช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล เพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน
“ผมจะผลักดัน พ.ร.บ.อสม. เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างขวัญกำลังใจ และความมั่นคงให้กับ อสม. ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ โดยปัจจุบัน พ.ร.บ.ดังกล่าว ผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นแล้ว ขั้นต่อไปจะเสนอ ครม. และรัฐสภา เพื่อออกเป็นกฎหมายต่อไป โดยการจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดี ที่คณะกรรมาธิการจะได้มาสัมผัส รับทราบปัญหา และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับ อสม. และพี่น้องประชาชน ผมเชื่อว่า งานสัมมนาในวันนี้ จะมีส่วนช่วยพัฒนาศักยภาพ อสม. ให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ สามารถสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชน และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านสุขภาพ ทำให้ประชาชนมีสุขภาพดี สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กฎหมาย อสม. ยังจะช่วยทำให้ อสม. มีความมั่นคง มีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพราะจะสามารถตั้งกองทุน หรือ นำเงินฌาปนกิจมาใช้บางส่วนได้ก่อน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการขับเคลื่อนงานหนัก ในการดูแลสุขภาพประชาชน และลดผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล โดยในแต่ละปี สปสช. จะใช้งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งใช้ซื้อยาต่างประเทศถึง 7 หมื่นล้านบาท โดยที่เหลือก็เป็นการดูแลโรคเบาหวาน ความดัน โรคที่ไม่ติดต่อร้ายแรง อย่าง ฟอกไต 1.5 หมื่นล้านบาท สุขภาพตำบล 2.5 หมื่นล้านบาท รวม 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าใช้กลไก อสม. ทำให้ผู้ป่วยลดลง เพราะคนป่วยโรคเหล่านี้ เกิดจากการกิน ดังนั้น หาก อสม. มีการเสริมความรู้ มีคนป่วยลดลง งบประมาณที่ประหยัดไปได้ ก็อาจจะนำกลับมาตั้งกองทุนช่วย อสม. ได้
“ส่วนเรื่องบัตรทอง 30 บาท ที่เริ่มตั้งแต่สมัยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 23 ปีที่แล้ว วันนี้ ก็พัฒนาเป็น 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว โดยผมมีโอกาสเจออดีตนายกฯ ทักษิณ ก่อนเดินทางมาจังหวัดสุโขทัย ท่านก็ให้คำแนะนำว่า ทำต่อให้ดี เพราะจะเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งผมก็ยืนยันว่า พร้อมขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ อย่างจังหวัดสุโขทัย ก็จะเริ่มใช้ได้วันที่ 30 ส.ค. นี้ ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน เข้าถึงบริการสุขภาพได้มากยิ่งขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว