เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่รัฐสภา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งประธานและรองประธานวุฒิสภา ว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ของเราทั้งสามคน เป็นมงคลแก่ชีวิต และขอยืนยันในปณิธานอันแน่วแน่ ว่าจะปฏิบัติงานเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพื่อรับใช้ประชาชน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จนกว่าชีวิตจะหาไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยเรื่องที่มาที่ไปของ สว. ชุดนี้ การทำหน้าที่จะเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมาอย่างไร นายมงคล กล่าวว่า เรื่องนี้เราไปห้ามคนให้คิดไม่ได้ เพราะในประวัติกว่าจะเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ ผ่านชีวิตมีเพื่อนมีพี่มีน้องผ่านอะไรมามากมาย ถ้าไม่รู้จักใครเลย ไม่สนิทกับใครเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ในเรื่องของการทำงาน หรือการปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่ง ก็จะดำเนินการให้เป็นไปตามจริยธรรม และเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ สว. ทุกท่านยินดีรับใช้ทุกคน และเป็นมิตรกับทุกคน ในเมื่ออยู่ตรงนี้แล้วสิ่งที่ตนและรองประธาน สว. ทั้งสองคน ได้ตั้งปณิธานร่วมกันไว้ ตามที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ไปแล้ว ก็ถือว่านั่นคือ สิ่งที่จะแสดงเจตนาในการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อถามถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายมงคล กล่าวว่า เป็นเรื่องรายละเอียด เรายังพูดไม่ได้ ตอนนี้เพิ่งรับตำแหน่ง ก็ต้องขอดูรายละเอียดก่อน แต่ตามเจตนารมณ์ก็จะยึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
เมื่อถามว่าจะยึดมั่นตามประชาชน ไม่มีคำว่าพรรคพวกใช่หรือไม่ นายมงคล ตอบกลับว่า ขออย่าได้ถามคำถามนี้เลย เพราะเรามาอยู่ตรงนี้ ก็ต้องดูผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
เมื่อถามถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่าเตรียมบททดสอบเพื่อตรวจสอบการทำงานของ สว. นายมงคล กล่าวว่า อย่าเพิ่งเลย ตนขอทำงานก่อน ขอไม่ตอบในเรื่องนี้
เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ สว.สีน้ำเงิน นายมงคล กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ จริงๆ คือ น้ำเงิน ขาว แดง เป็นปณิธานของพวกเราที่จะรวมกันเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงประชาชน
เมื่อถามว่ามี สว.หลายคนบอกว่า หากนายมงคลเป็นประธาน จะสลายขั้วต่างๆ จะทำตามนั้นหรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดจะมีขั้วหรือมีสี เพราะในชีวิตที่ผ่านมา ตนอยู่กับคนที่มีความเห็นต่างมาโดยตลอด ตนถือว่าความแตกต่างกับความแตกแยกเป็นคนละอย่างกัน ทั้งนี้ความแตกต่างเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเห็นเหมือนกัน เชื่อว่าจะหาจุดร่วมกันได้ ความเห็นต่างเป็นสิ่งที่เราต้องรับฟังด้วยเหตุและผลและข้อเท็จจริง ยืนยันว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ทุกคน.