สร้างความฮือฮาให้กับวงการสตาร์ทอัพไทย หลัง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ที่ก่อนหน้านี้ประกาศร่วมทุนกับ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด หรือ โอ้กะจู๋ ผู้ให้บริการร้านอาหารเพื่อสุขภาพชื่อดัง ร่วมลงทุนในกลุ่มธุรกิจแฟลช สตาร์ทอัพด้านการขนส่ง และโลจิสติกส์ครบวรจร รวมไปถึงลงทุนใน บริษัท พีเบอร์รี่ ไทย จำกัด แบรนด์กาแฟ Specialty Coffee ที่รู้จักกันในนาม Pacamara และร่วมจัดตั้ง ORBIT Digital สตาร์ทอัพที่เสริมสร้างศักยภาพด้านดิจิทัล ล่าสุด โออาร์ ในนาม  PTTOR International Holdings (Singapore) Pte. Ltd. (SGHoldCO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ โออาร์ ถือหุ้น 100% จับมือกับ กองทุน 500 สตาร์ทอัพ หรือ 500 ตุ๊กตุ๊กส์ (TukTuks) ซึ่งเป็นกองทุนที่สตาร์ทอัพที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ร่วมจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล “ออร์ซอน เวนเจอร์ส”  (ORZON Ventures) เป็นกองทุนที่สร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพไทยเติบโตไปด้วยกัน

น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยว่า การร่วมจัดตั้งกองทุน “ออร์ซอน เวนเจอร์ส”  เป็นการแสวงหาและสนับสนุนสตาร์ทอัพใหม่ ๆ ในระดับ ซีรี่ย์ A-B ที่ดำเนินธุรกิจในไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เน้นทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ โออาร์ และธุรกิจใหม่ ๆ ภายใต้กรอบ Mobility & Lifestyle เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและสร้างความเติบโตในระยะยาว มีมูลค่าการลงทุนระยะแรก  25 – 50  ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 845 – 1,690  ล้านบาท และอาจเพิ่มเติมในอนาคตได้

“ เรามีพลังทุน พลังการพาไป ช่วยเป็นลมใต้ปีก เพื่อทำให้สตาร์ทอัพ ทะยานไปอย่างรวดเร็ว มองอะไรได้อย่างกว้างไกลไปด้วยกัน ซึ่ง โออาร์ ตั้งงบลงทุนภาพรวมธุรกิจ 5 ปี อยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท จำนวนนี้ 34% ลงทุนในโคร
สร้างพื้นฐานธุรกิจน้ำมันและยานยนต์ไฟฟ้า อีก 29% ลงทุนในธุรกิจค้าปลีก (Non-oil) อีก 22% ลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ และที่เหลือ 15% ลงทุนในธุรกิจใหม่ ขณะที่การใส่เงินใน ออร์ซอน เวนเจอร์ส ภายในวงเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,690 ล้านบาท เป็นเพียงก้อนแรกเท่านั้น เราพร้อมลงทุนเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพต่อไป  สิ่งที่เราทำเป็นการช่วยปูรันเวย์ สู่ไอพีโอ (การระดมทุมขายหุ้นใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริม ช่วยปั้นยูนิคอร์น (ธุรกิจที่มีมูลค่าธุรกิจมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30,000 ล้านบาท) ขึ้นในประเทศไทยอีกด้วย ”

สำหรับการดำเนินธุรกิจของ โออาร์ จะเดินหน้าสร้างความร่วมมือเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกันกับทุกภาคส่วน เสาะแสวงหาธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้ก้าวไกลกว่าธุรกิจน้ำมันท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ได้มองหาการร่วมมือเฉพาะกับธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ โออาร์ ยังเน้นให้ความสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือกับ ‘คนตัวเล็ก’ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบพันธมิตรทางธุรกิจ หรือการลงทุนในเอสเอ็มอี หรือบริษัทสตาร์ทอัพ  เราจะมาเติมเต็มในจุดที่สตาร์ทอัพยังท้าทาย เช่น การขาดความพร้อมด้านกำลังคน ขาดเงินทุน ขาดการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และขาดระบบนิเวศเกื้อหนุน เสริมกับจุดแข็งที่สตาร์ทอัพมีในด้านศักยภาพการใช้เทคโนโลยี มีความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

นายกระทิง พูนผล ผู้บริหารกองทุน 500 TukTuks  ขยายความว่า โออาร์ และ 500 TukTuks มีเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างอีโคซิสเตม ที่พร้อมสนับสนุนและผลักดันสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศ ซึ่งเวลานี้ถือเป็นยุคทองของสตาร์ทอัพ จากการคาดการณ์ใน 10 ปีข้างหน้า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมี “ยูนิคอร์น” เกิดขึ้นประมาณ 20-40  ตัว เราควรมาร่วมสร้างมาร์เก็ตแชร์ “ยูนิคอร์น” ให้เข้ามาในประเทศไทยร่วมกัน

“เชื่อว่า ด้วยศักยภาพของ โออาร์ และเงินลงทุนของ ออร์ซอน เวนเจอร์ส ทำให้สตาร์ทอัพโตเร็วขึ้น จากเดิมที่ต้องใช้ระยะเวลานาน น่าจะเห็นทิศทางที่ดีขึ้นใน 3-5 ปี โดยสิ่งสำคัญกว่า ต้องทำยังไงให้บริษัทสตาร์ทอัพ อยู่ได้อย่างยั่งยืน และเข้าระดมทุนไอพีโอ หรือมีบริษัทที่เป็นยักษ์เล็กเกิดขึ้นหลายตัวในประเทศไทย ถือเป็นจังหวะที่ดีของ โออาร์ เพื่อพาสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน ไปให้ไกลเกินเส้นขอบฟ้า ทั้งการขยายไปต่างประเทศ การขยายข้ามขอบเขตธุรกิจ และเร่งการเติบโตอย่างรวด เพราะ โออาร์ จะเป็นแพลตฟอร์มช่วยสนับสนุนมากกว่าการเป็นพันธมิตร”

นายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้บริหารกองทุน 500 TukTuks ซึ่งจะมารับตำแหน่งผู้บริหารของออร์ซอน เวนเจอร์ส กล่าวว่า คาดว่า ในเดือนพ.ย.นี้ ออร์ซอน เวนเจอร์ส จะเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพตัวแรกได้ และปีนี้ น่าจะเห็นการเข้าลงทุนประมาณ 1-2 แห่ง ขณะที่เฟสแรก มีเป้าหมายจะเข้าลงทุน 10-15 แห่ง  คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 25 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณรายละ 50 ล้านบาท จากตอนนี้มีสตาร์ทอัพเป้าหมายที่อยู่ในการพิจารณาประมาณ 20-30 แห่ง  โดยสตาร์ทอัพ ที่ออร์ซอน เวนเจอร์ส มองหาจะมีทั้งที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับ โออาร์ และธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ เป็นคนเดินทางในอนาคต  และตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกไลฟ์สไตล์ เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การท่องเที่ยว สุขภาพ รวมไปถึงดิจิทัล ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ และหากสตาร์ทอัพที่ออร์ซอน เวนเจอร์ส ลงทุนไปสามารถเติบโตได้ดี โออาร์ อาจพิจารณาลงทุนตรงในสตาร์ทอัพเองอีกทางด้วย

“ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงแบบหักศอก นี่คือความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ในยุคทองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการร่วมพลิกโฉมวงการสตาร์ทอัพไทย ผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ [email protected]”