ในที่สุด ฟุตบอลยูโร 2024 ที่เยอรมนี ก็ได้คู่ชิงชนะเลิศ นั่นคือ “กระทิงดุ” สเปน กับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ

ที่จะเตะกันที่โอลิมเปียสตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในคืนวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. 67 เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ถือเป็นเกมระดับ 5 ดาว ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง และต่อไปนี้คือประเด็นสำคัญที่คุณต้องรู้ ก่อนดูเกมหยุดโลกนัดนี้

เคยได้แชมป์มาแล้วกี่ครั้ง?
สเปน คือชาติที่ได้แชมป์ฟุตบอลยูโรมากที่สุด ร่วมกับ เยอรมนี คือ 3 สมัย ในปี 1964, 2008 และ 2012

ถ้าหากได้แชมป์ครั้งนี้ พวกเขาจะเป็นเจ้าของสถิติได้แชมป์มากที่สุดถึง 4 สมัย

ทีมกระทิงดุ ได้แชมป์ 3 ครั้ง จากการเข้าชิงชนะเลิศ 4 ครั้ง

ครั้งเดียวที่แพ้ คือแพ้ต่อ “เจ้าภาพ” ฝรั่งเศส และ มิเชล พลาตินี ที่พาร์ค เด แพร็งส์ ในปี 1984

ส่วน อังกฤษ ยังไม่เคยได้แชมป์ยูโรมาก่อน และเคยเข้าชิงชนะเลิศเพียงครั้งเดียว คือยูโรครั้งที่แล้ว ในปี 2020 (แข่งปี 2021)

ซึ่งพวกเขาแพ้ต่อ อิตาลี ในการดวลจุดโทษ ที่สนามเวมบลีย์ ของตัวเอง

Luis de la Fuente


สถิติพบกันเป็นยังไง?
สเปน กับ อังกฤษ พบกันมาแล้วถึง 27 ครั้ง โดย สิงโตคำราม ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย ชนะ 13 ครั้ง ขณะที่ สเปน ชนะ 10 ครั้ง และเสมอกัน 4 ครั้ง

ถ้านับแค่ในยูโร นี่คือการเจอกันครั้งที่ 3 และ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ อังกฤษ ชนะหมด

นั่นคือยูโร 1980 รอบแรก อังกฤษ ชนะ สเปน 2-1 ที่เนเปิลส์ ก่อนตกรอบแรกทั้งคู่

และยูโร 1996 ซึ่งเจอกันที่เวมบลีย์ ในรอบ 8 ทีม อังกฤษ ชนะจุดโทษ หลังเสมอในเวลาแบบไม่มีสกอร์

ส่วนใน “เมเจอร์ทัวร์นาเมนต์” รายการอื่น เคยเจอกัน 2 ครั้ง

คือฟุตบอลโลก 1950 ซึ่ง สเปน ชนะ 1-0 ที่รีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล

และ 1982 ที่เสมอกัน 0-0 ที่ซานติอาโก เบอร์นาบิว ในรอบแบ่งกลุ่ม รอบ 2

เจอกันครั้งล่าสุดคือรายการเนชั่นส์ ลีก ปี 2018 ที่เซบีญา ประเทศสปน ปรากฏว่า อังกฤษ บุกชนะ 3-2

แต่ถ้านับรวมทั้งหมด เจอกัน 10 ครั้งหลังสุด อังกฤษ ชนะแค่ 2 ครั้ง


สเปน คือทีมที่ดีที่สุดในยูโร?
แม้ยังไม่รู้ว่าใครจะคว้าแชมป์ แต่วัดจากผลงานที่ผ่านมา ชัดเจนว่า สเปน คือทีมที่ดีที่สุดในยูโรครั้งนี้

ง่ายๆ เลย คือเพราะว่าพวกเขาชนะรวดในทั้ง 6 นัดที่ลงสนาม

ในรอบแรก สเปน ชนะทีมที่เข้าถึงรอบตัดเชือกในฟุตบอลโลก 2018 อย่าง โครเอเชีย และยังชนะแชมป์เก่าอย่าง อิตาลี

ส่วนรอบ 8 ทีม สเปน ชนะ เยอรมนี เจ้าภาพ และในรอบตัดเชือก ก็ส่งทีมเต็งอย่าง ฝรั่งเศส กลับปารีส

สเปน ชนะทั้ง 6 เกม โดยไม่ต้องยิงจุดโทษเลย ทั้งในเกม และการดวลจุดโทษตัดสิน ซึ่งไม่เคยมีทีมใดทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ยูโร

พวกเขายังยิงได้มากที่สุดถึง 13 ประตู เข้าไปแล้วด้วย

Lamine Yamal


ซูเปอร์สตาร์ประจำทัวร์นาเมนต์
ถ้าหาก สเปน ได้แชมป์ยูโร 2024 จะต้องมีคนนำ ลามีน ยามาล ไปเปรียบเทียบกับสุดยอดตำนานนักเตะของโลกอย่าง เปเล่ ในฟุตบอลโลก 1958 แน่นอน

ยามาล ที่อายุครบ 17 ปีเต็ม ในวันเสาร์ที่ 13 ก.ค. 67 เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้โลกลูกหนังมากมาย

หลักๆ ก็คือ นักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในยูโร และอายุน้อยที่สุดในยิงประตูในยูโร

ประตูสุดสวยที่ปั่นโค้งๆ เสียบสามเหลี่ยมในเกมรอบตัดเชือกกับ ฝรั่งเศส ส่งประกวดประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ได้สบาย

และทำให้เขาทำลายสถิติของ เปเล่ กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุด ที่ยิงประตูได้ในรอบรองชนะเลิศรายการเมเจอร์

ยามาล ไม่ใช่แค่ลงเล่น และยิงได้ แต่เขายังเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของรายการ หลังทำไปแล้วถึง 3 แอสซิสต์ และสร้างโอกาสให้ สเปน ไปแล้วถึง 13 ครั้ง

Dani Olmo

ไม่ได้มีแค่ ลามีน ยามาล
สเปน ไม่ได้มีแค่ ยามาล ที่ตะลุยฝั่งซ้ายคนเดียว ทางฝั่งขวา พวกเขาก็มีอีกหนึ่งสุดยอดดาวรุ่งอน่าง นิโก วิลเลียมส์ ที่แจ้งเกิดเต็มตัวเช่นกัน

นอกจากนั้น ตรงกลาง สเปน ยังมี ดานี โอลโม ที่ซัดไปแล้ว 3 ลูก และกำลังคั่วตำแหน่งดาวซัลโว ทั้งที่เป็นตัวจริงแค่ 2 นัด แถมยังได้เปรียบตรงที่เขายังมีอีก 2 แอสซิสต์ด้วย

อีกส่วนประกอบสำคัญที่ลืมไม่ได้ก็คือมิดฟิลด์คู่กลาง ที่โดดเด่นสุดๆ ทั้ง โรดรี และ ฟาเบียน รุยซ์

โดยเฉพาะ โรดรี มิดฟิลด์จาก แมนฯ ซิตี วัย 28 ปี นั้น มีสถิติที่ไม่น่าเชื่อ นั่นคือ เขาเกิดในวันที่ อังกฤษ น็อก สเปน ตกรอบยูโร 1996 พอดี

และเมื่อเขาลงสนามให้กับทีมชาติ และสโมสร ทีมของเขาแพ้แค่เกมเดียวเท่านั้นจาก 79 เกมหลังสุด

Gareth Southgate

กระท่อนกระแท่นแต่เข้าชิงดำ
ด้าน อังกฤษ ฟอร์มกระท่อนกระแท่น ลุ่มๆ ดอนๆ โดนด่าสลับโดนชมมาตลอด แต่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็พาทีมเข้าชิงชนะเลิศยูโรได้ 2 ครั้งติดต่อกัน

ไม่ว่า อังกฤษ จะได้แชมป์หรือไม่ หลังจบยูโร เตรียมประดับยศอัศวินเป็น “เซอร์แกเร็ธ เซาธ์เกต” อย่างไม่ต้องสงสัย

สิงโตคำราม ค่อนข้างมีโชค ตั้งแต่รอบแรก อยู่ในกลุ่มไม่หนักนัก ขนาดเล่นไม่ค่อยดี ยังเป็นแชมป์กลุ่มได้

ก่อนที่ในรอบ 16 ทีม จะได้ประตูมหัศจรรย์ของ จูด เบลลิงแฮม และต่อเวลาเฉือน สโลวาเกีย

ตามด้วยรอบ 8 ทีม บูกาโย ซากา ตีเสมอท้ายเกม ก่อนลากไปดวลจุโทษชนะ สวิตเซอร์แลนด์

และรอบตัดเชือก เฉือนหวิว สเปน แบบใจหายใจคว่ำ โดยได้ประตูชัยในนาที 89.59

อังกฤษ มาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญในรอบ 8 ทีม เมื่อ เซาธ์เกต เปลี่ยนมาเล่นระบบหลัง 3 คน

ทำให้นักเตะดูผ่อนคลาย เล่นเป็นตัวเอง และดูเหมือนจะได้ทีมที่ลงตัวแล้ว แถมยังมีความพิเศษของผู้เล่นระดับท็อป ที่เปลี่ยนเกมได้หลายคน

ขณะที่ตัวสำรอง ก็พร้อมลงมาสร้างผลงาน และทำให้เห็นมาแล้วหลายเกมว่าพึ่งพาได้

สิงโตคำรามทีมนี้ ถึงแม้จะถูกมองว่ายังไม่สุด แต่มีคุณสมบัติของทีมที่จะเป็นแชมป์ในบอลทัวร์นาเมนต์ เพราะเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น สเปน ก็เตรียมเจองานหนักแน่นอนเช่นกัน

ใครจะคว้าแชมป์?
มาถึงขั้นนี้ เป็นไปได้ทุกอย่าง ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แต่ตามฟอร์มแล้ว สเปน ถึงพร้อมกว่าอย่างชัดเจน ถ้ายังเล่นได้ตามมาตรฐานเดิม อังกฤษ ไม่น่าจะต้านทานได้

ขณะที่ สิงโตคำราม ถ้าหากไม่ผลิตฟอร์มระดับมหากาฬ และมีความพิเศษจริงๆ คงจะหมดสิทธิ

แต่บอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ ใครจะไปรู้ อาจจะมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้

แต่ไม่ว่าใครจะได้แชมป์ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการฟุตบอลก็จะเกิดขึ้นแน่นอน.