เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 220 หมู่ 5 ต.เกตรี อ.เมืองสตูล นางรอเกียะ ยะโกบ อายุ 57 ปี และนางดารุณี บุญนิจันทร์ อายุ 36 ปี สองน้าหลานประกอบอาชีพทำสวนยางพารา นำวัตถุหินออกมาให้ผู้สื่อข่าวดู ภายหลังจากที่ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า หินดังกล่าวนี้เชื่อกันว่า เป็นหินที่มีความพิเศษ ควรเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี เพราะเชื่อว่าเป็นหินแร่ธาตุโบราณ ที่สามารถใช้สำหรับรักษาโรคได้ เพราะว่าหินดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับหินเหล็กไหล แต่คนในครอบครัวบางคนบอกว่าไม่เหมาะที่จะเก็บหินดังกล่าวนี้เอาไว้ เพราะยังไม่รู้แน่ชัดว่าหินดังกล่าวเป็นหินอะไรกันแน่ จึงขอให้ผู้สื่อข่าวเดินทางมาช่วยกันตรวจสอบ แม้ว่าได้ครอบครองหินดังกล่าวนี้มานานกว่า 17 ปีแล้ว และอยากจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกันตรวจสอบด้วย

ทั้งนี้ นางรอเกียะ กล่าวว่า ได้เจอหินดังกล่าวนี้ ในขณะไปปลูกผักแซมสวนยางที่ในพื้นที่เมืองเก่า ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา ขณะที่ทำการใช้เครื่องมือขุดดินปลูกผักไปขุดกระแทกกับก้อนหินดังกล่าว จึงได้เก็บนำกลับมาทำความสะอาดและเก็บไว้ที่บ้านที่ ต.ปริก หลังจากนั้นย้ายมาอยู่ จ.สตูล พาหินก้อนดังกล่าวมาด้วย และมีโอกาสให้ ผู้เฒ่า ผู้แก่ มาดู หลายคนต่างบอกว่า ให้เก็บหินดังกล่าวนี้เอาไว้เพราะว่าเป็นของดีของโบราณ บางคนบอกว่า หินดังกล่าวนี้เชื่อว่า สามารถใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ แต่ตนไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องพวกนี้เลย ไม่ได้สนใจอะไร  

สำหรับจุดที่พบหินนี้พบว่าเคยมีเรื่องแปลกประหลาด เพราะว่าอยู่ใกล้วัด มีหลายคนลือกันเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะว่าอยู่ๆ หินดังกล่าวก็มีภาพพลิ้วไหวไปมาทั้งที่ไม่มีลม แต่ก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร จึงเก็บหินดังกล่าวเรื่อยมา และอยากจะหาคนที่มีความชำนาญเข้ามาพิสูจน์

นางดารุณี ผู้เป็นหลานบอกกล่าวว่า อยากให้ผู้สื่อข่าวมาช่วยตรวจสอบ และเป็นกระบอกเสียงประสานผ่านผู้รู้ หรือผู้ที่สนใจเข้ามาดู หากเห็นว่า หินดังกล่าวนี้ตรงตามตำราโบราณ หรือเป็นหินโบราณ หรือว่าเป็นเหล็กไหล จริงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหินก้อนนี้ มีน้ำหนัก 3.6 กิโลกรัม ลักษณะพื้นผิวบาง มุมผิวเรียบบาง มุมผิวขรุขระ มันแวววับ มีความยาว ประมาณ 12 ซม. มีความกว้างประมาณ 6 ซม. ที่ผ่านมา ทางครอบครัวพี่สาวก็เก็บรักษาไว้ตามปกติ ไม่ได้พิเศษอะไร แค่ใช้ผ้าห่อหุ้มไว้เท่านั้น.