จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การกำกับของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีฯ ได้มอบหมายให้ นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีพิเศษที่ 10/2567 กรณีกลุ่มเครือข่ายประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย โดยมีการนำเงินที่ได้มาจากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์และจากกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายนำมาฟอกเงิน ต่อมาคณะพนักงานสอบสวนได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้นเครือข่ายของนายโกฟุก หรือ นายสง่า กังวาล (ผู้ต้องหารายสำคัญ อยู่ระหว่างหลบหนีที่ต่างประเทศ) ทั้งหมด 27 เป้าหมายทั่วประเทศในพื้นที่ กทม. และ จ.ระนอง สามารถจับกุมได้ 7 ราย กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 เม.ย. คณะพนักงานสอบสวนคดีได้สรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาในฐานความผิด “ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือชักชวนผู้อื่นให้พนันออนไลน์ ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันเป็นอั้งยี่” ต่อพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของนายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนฯ ได้มอบหมายให้ นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสะกดรอยและการข่าว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ร่วมกันจับกุม นายพงศ์พิพัฒน์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 454/2567 ในคดีพิเศษที่ 49/2567 โดยผู้ต้องหาเป็นหลานโกฟุก ทำหน้าที่ดูแลรับโอนเงินจากบัญชีม้าเครือข่ายพนันและหวยออนไลน์โกฟุก เจ้าพนักงานผู้จับกุมจึงได้แจ้งข้อหา โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือชักชวนผู้อื่นให้พนันออนไลน์ ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ และความผิดฐานฟอกเงิน
นอกจากนี้ เจ้าพนักงานชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมาย และรวมถึงแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัว ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เรียบร้อยแล้ว จึงได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวน รับตัวผู้ต้องหาพร้อมบันทึกการจับกุมเพื่อไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงการบังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดในอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ด้านนายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา เปิดเผยว่า กรณีที่เลขคดีพิเศษในคดีของนายโกฟุก และหลานของนายโกฟุกเป็นคนละเลขกันนั้น เนื่องมาจากเลขคดีพิเศษที่ 10/2567 เดิมทีมีการขอศาลออกหมายจับทั้งหมด จำนวน 18 ราย ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้มีการสรุปสำนวนและส่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว 7 ราย โดยได้ดำเนินการให้ทันกรอบระยะเวลาการฝากขัง ดังนั้นจึงเหลือผู้ต้องหาอีก 11 รายที่อยู่ระหว่างการหลบหนี คณะพนักงานสอบสวนเล็งเห็นว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องสืบสวนสอบสวนขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานอีกจำนวนมาก จึงมีมติในที่ประชุมเสนอไปยัง รรท.อธิบดีดีเอสไอ ขอแยกเป็นอีกเลขคดีพิเศษ คือ คดีพิเศษที่ 49/2567 สำหรับดำเนินการทางอาญากับผู้ต้องหาที่เหลือ และคาดว่าจะมีมากกว่า 11 รายอย่างแน่นอน ซึ่งในจำนวนนี้รวมชื่อ “นายสง่า กังวาล หรือ โกฟุก” เอาไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้ง 11 รายดังกล่าวยังคงมีความผิดตามฐานความผิดเดิม
นายระวี เผยอีกว่า สำหรับนายสง่าที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับนั้น ยังไม่ได้มีการประสานติดต่อขอเข้ามอบตัวกับคณะพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด อีกทั้งในถ้อยคำให้การของหลานนายโกฟุก ยังไม่ได้มีการซัดทอดไปถึง แต่มีบางถ้อยคำให้การที่เป็นประโยชน์ต่อสำนวนคดีที่พนักงานสอบสวนจะใช้ในการขยายผล แต่พนักงานสอบสวนยึดหลักการดำเนินการทางอาญาที่ว่าคำให้การของผู้ต้องหาไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลได้เพราะผู้ต้องหามีสิทธิจะให้การอย่างไรก็ได้ พนักงานสอบสวนจึงมีหน้าที่ต้องไปแสวงหาพยานหลักฐาน พยานเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ศาลรับฟังได้ว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์การกระทำความผิดอย่างไร ทั้งนี้ในเรื่องของการประสานไปยังองค์การตำรวจสากล เพื่อออกหมายน้ำเงินหรือหมายแดงแก่นายโกฟุกนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานข้อมูลเรื่องแหล่งกบดานหรือสถานที่ปลายทางที่นายโกฟุกหลบหนี หากทราบข้อมูลแล้วจึงจะติดต่อไปทางองค์การตำรวจสากลต่อไป.