“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ระบุว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 ปีที่ 33.97 บาทต่อดอลลาร์ แต่สามารถฟื้นตัวได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ ในช่วงสิ้นไตรมาส ประกอบกับมีแรงกดดันจากสัญญาณขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ

ขณะที่เงินดอลลาร์ เพิ่มช่วงบวกได้ต่อตามกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการถอยออกจากมาตรการผ่อนคลายของเฟดในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ช่วงปลายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ มีปัจจัยลบจากข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มมากกว่าที่คาด ประกอบกับตลาดยังติดตามปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ อย่างใกล้ชิด โดยเงินบาทวันที่ 1 ต.ค. เงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.63 เทียบกับระดับ 33.25 บาทต่อดอลลาร์ ในสัปดาห์ก่อน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (4-8 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐ สถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดการเงินไทย และสถานการณ์โควิด

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และเครื่องชี้ตลาดแรงงานอื่นๆ อาทิ อัตราการว่างงาน ตัวเลขค่าจ้าง ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI/ISM ภาคบริการเดือน​ ก.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน​ ส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคบริการเดือน​ ก.ย. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน