นายพัลลภ ฉายินธุ นายกสมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ตามที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้เปิดให้บริการรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Grab Application) ของ แกร็บ ประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) หรือสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันพบว่าการให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันแกร็บ เฉพาะรถที่นำมาให้บริการที่ทำตามเงื่อนไขถูกกฎหมายเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้โดยสารสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ตลอดจนลดความหนาแน่นการจราจรบริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสารขาเข้า และขาออก ตามนโยบายของ ทสภ.
ขณะเดียวกันยังพบว่า แกร็บ แอบนำรถยนต์ส่วนบุคคลที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตามเงื่อนไขกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนดมาให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะกรณีที่ผู้โดยสารเรียกรถผ่านแอปฯ แกร็บ และมีรถให้บริการไม่เพียงพอ ทำให้ส่งผลกระทบต่อแท็กซี่ที่ให้บริการที่ ทสภ. ที่มีอยู่ 4,000 คันเดือดร้อน เกิดการแข่งขันไม่เป็นธรรม และส่งเสริมให้เกิดการนำรถผิดกฎหมายมาให้บริการที่ ทสภ. เนื่องจากแกร็บไม่ทำตามเงื่อนไขสัญญาของ ทสภ.
นายพัลลภ กล่าวต่อว่า ดังนั้นคณะกรรมการบริหารร่วม 3 ภาคีเครือข่ายสมาคม ประกอบด้วย สมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ สมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย และ สมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า ทำหนังสือถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เพื่อช่วยเหลือดำเนินการและแก้ปัญหาอาชีพแท็กซี่ เนื่องจากคณะกรรมการบริหารร่วม 3 ภาคีเครือข่ายสมาคมได้รับการแต่งตั้งเข้ามาทำงาน ในฐานะอนุกรรมการกระทรวงคมนาคมนั้น จากการทำงานกว่า 4 เดือนไม่มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมแม้แต่เรื่องเดียว และเรื่องที่สมาคมเดือดร้อนไม่มีการบรรจุนำเข้าพิจารณาเลย เช่น เรื่องการนำรถยนต์ส่วนบุคคลที่ให้บริการผ่านแอปฯ ของบริษัทแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ผ่านการรับรองจาก ขบ. ยังไม่มีการนำรถมาจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันผ่านมา 3 ปีแล้ว ขบ. ยังไม่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายระเบียบต่างๆ สร้างผลกระทบต่ออาชีพแท็กซี่เป็นอย่างมาก
ประกอบกับปัจจุบัน แกร็บ ได้รับอนุญาตมาให้บริการที่ ทสภ. ไม่ได้ปฏิบัติตามที่ได้รับอนุญาต เช่น แกร็บต้องควบคุมสัญญาณให้อยู่ในพื้นที่โซนดี หรือในจุดที่ให้บริการแกร็บ แต่ยังปล่อยสัญญาไปทั่ว ทสภ. ทำให้มีรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนที่ใช้เป็นรถให้บริการผ่านแอปฯ ถูกต้องตามกฎหมาย ไปรับจุดอื่นไม่ตรงจุดที่ ทสภ. จัดให้ไว้ และ แกร็บยังอนุญาตให้รถที่ยังไม่จดทะเบียนดังกล่าวมารับประชาชนในจุดที่ ทสภ. จัดไว้ให้ด้วย
นายพัลลภ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันแกร็บได้รับอนุญาตให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ 3 ประเภท ได้แก่ แกร็บคาร์ แกร็บแท็กซี่ และ จัสต์แกร็บ แต่บริษัทกลับไม่ปล่อยสัญญาณแท็กซี่ และไม่เปิดหน้าแอปฯ ให้บริการ แต่เปิดให้บริการแกร็บแท็กซี่วีไอพี ซึ่งไม่อยู่ในข้อตกลง และคนขับแกร็บแต่งกายไม่สุภาพ เป็นที่เสื่อมเสียให้บริการ จึงถือว่าไม่ทำตามข้อตกลงกับ ทสภ.
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 เม.ย.67 แกร็บออกแคมเปญร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้บริการเมืองหลักในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และเมืองรอง 31 จังหวัด แต่มีรถที่จดทะเบียนเป็นรถให้บริการผ่านแอปฯ ถูกต้องไม่ถึง 3,000 คันทั่วประเทศ ทำให้เข้าใจได้ว่ารัฐกำลังส่งเสริมบริษัทนำรถผิดกฎหมายมาให้บริการประชาชน อีกทั้งยังทำส่วนลดต่อครั้งไม่เกิน 100 บาท ทำผิดประกาศ ขบ. เรื่องกำหนด หลักเกณฑ์ และ วิธีการเงื่อนไขการรับรองระบบอิเล็กทรอนิกส์ ปี 2564 เพราะมีการลดราคาให้ผู้โดยสาร 100 บาท ทำให้ราคานั้นต่ำกว่าราคาที่กระทรวงคมนาคมประกาศกำหนด บริษัทเจตนาฝ่าฝืนระเบียบต่างๆ มาโดยตลอด ไม่ทำตามกฎหมายของไทยแต่อย่างใด จึงขอให้ รมว.คมนาคมเร่งแก้ปัญหาต่อไป
นอกจากนี้สมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ สมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย ยังส่งหนังสือถึง นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เรื่องขอให้ แกร็บ ประเทศไทย ปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีไว้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ในเรื่องการนำรถที่มาให้บริการผ่านแอปฯ แกร็บต้องถูกต้องตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ทั้งนี้หากไม่พร้อมที่ปฏิบัติตามข้อตกลงก็ขอให้หยุดให้บริการภายในสนามบินสุวรรณภูมิไปจนกว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้