พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในช่วงเวลา 3 ปีภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ทอท. คนใหม่ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ที่อยู่ในกำกับดูแลของ ทอท. ต้องเป็นท่าอากาศยานที่เมื่อผู้โดยสาร และผู้ใช้บริการมาถึงแล้วจะมีแต่ความสุข ได้เช็กอิน ผ่านจุดตรวจค้น และขึ้นเครื่องบินอย่างรวดเร็ว ตรงเวลา ปลอดภัย ไม่ต้องรอคิวนาน ทั้งกระเป๋าสัมภาระ หรือการตรวจคนเข้าเมือง ในสนามบินต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพียงพอ ห้องน้ำต้องสะอาด เพิ่มช่องตรวจอัตโนมัติ และในอนาคตจะเป็นแบบไบโอเมทริกซ์ใช้เทคโนโลยีแบบจดจำใบหน้า เพื่อลดขั้นตอนการขึ้นเครื่องบิน และให้ทุกคนมีความสุขในการเดินทาง เชื่อว่าเป็นประสบการณ์ที่ผู้โดยสารทุกคนอยากสัมผัส ซึ่งได้มอบหมายให้ทุกท่าอากาศยาน โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ที่มีผู้โดยสารมาใช้บริการมากที่สุด เร่งปรับปรุงคุณภาพการให้บริการทุกมิติดีขึ้นภายใน 6 เดือน

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ ทสภ. ได้กำชับให้เร่งแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร โดยเฉพาะขาเข้า เนื่องจากปัจจุบันมีรถยนต์เข้ามาจอดรอรับผู้โดยสารหน้าอาคารเป็นเวลานาน อีกทั้งมีรถยนต์บางส่วนที่จอดรถตลอดทางก่อนถึงอาคารผู้โดยสาร เพื่อรอมารับผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก จึงให้ไปพิจารณาว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้รถยนต์เหล่านี้ เข้าไปจอดรอในอาคารจอดรถของ ทสภ. โดยให้จอดฟรี 30 นาทีแรก ทั้งนี้ ให้เร่งหาแนวทาง รวมถึงพิจารณาว่าจะสามารถจอดรอในพื้นที่ใดได้บ้าง และให้ดำเนินการทันทีภายใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ผู้โดยสาร และผู้ที่ต้องมารอรับ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดได้ด้วย  

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า ในปี 2565 สกายแทร็กซ์ (SKYTRAX) สถาบันวิจัยอิสระด้านธุรกิจการบิน และการขนส่งทางอากาศ ซึ่งดำเนินการประเมิน และจัดอันดับสายการบินและท่าอากาศยานทั่วโลก จัดอันดับให้ ทสภ. อยู่ในลำดับที่ 77 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งมาจากการโหวตของผู้เดินทางโดยเครื่องบิน และในปี 2566 อยู่ในลำดับที่ 68 ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 2 ปี ทสภ. ต้องติดอันดับ 1 ใน 50 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก และยกระดับเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาค สู่ประตูการบินของโลก ซึ่งในเร็วๆ นี้ ทอท. จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยจะเชิญทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้แทนจากคู่ค้า และผู้โดยสาร เพื่อหารือร่วมกันในการขับเคลื่อน ทสภ. สู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะในที่สุดแล้ว ทอท. ต้องทำตามใจลูกค้าว่าผู้โดยสารต้องการอะไร และมีอะไรที่ ทอท. ต้องเร่งแก้ไข

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวด้วยว่า กายภาพของ ทสภ. เป็นคอขวด จึงทำให้บางช่วงเวลายังมีภาพผู้โดยสารหนาแน่น ซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ไข โดย ทอท. มีแผนงานรองรับไว้แล้ว เริ่มจากโครงการก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลัก ด้านทิศตะวันออก (East Expansion) วงเงินประมาณ 9 พันล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลปี 67 เปิดบริการปี 70 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้อีก 15 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันรองรับได้ 60 ล้านคนต่อปี เป็น 75 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ ยังมีแผนก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายฯ ด้านทิศตะวันตก (West Expansion) วงเงินประมาณ  9 พัน ล้านบาท และส่วนต่อขยายฯ ด้านทิศเหนือ (North Expansion) วงเงินประมาณ  4 หมื่นล้านบาท ในอนาคตด้วย

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าหลายคนมองว่า ตนมาจากตำรวจ จึงอาจจะไม่ไว้ใจในการทำงาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ตนต้องทำให้เกิดการยอมรับ การเชื่อใจ และไว้ใจกัน ไม่รู้สึกย่อท้อ จะพิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา และพัฒนาสนามบินให้เป็นที่ยอมรับมีมาตรฐานระดับสากลได้ ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะเป็นตำรวจ แต่ทำงานด้านการตรวจคนเข้าเมือง อีกทั้งที่ผ่านมา โตมากับการทำธุรกิจต่างๆ ของครอบครัว ทำให้เข้าใจในการทำธุรกิจดี ซึ่งจะนำประสบการณ์เหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ พร้อมให้ตรวจสอบทุกเมื่อ ยืนยันว่าจะทำงานด้วยความโปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร กระจายอำนาจการทำงาน ใส่ใจพนักงาน และผู้ใช้บริการให้มากที่สุด.