ศึกฟุตบอลแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ซึ่ง ไอวอรีโคสต์ รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 13 ม.ค. ถึง 11 ก.พ. นี้ จะฟาดแข้งกันใน 6 สนามจาก 5 เมือง โดยมีสนามหลักคือ สต๊าด อลาสซาน อ็อตตารา ความจุ 60,012 ที่นั่ง ในกรุงอาบิดจาน ซึ่งจะใช้ในเกมนัดเปิดสนาม และนัดชิงชนะเลิศ
อย่างไรก็ตาม 1 ใน 6 สนามที่จะถูกใช้งานในศึก “AFCON 2023” ครั้งนี้ เป็นสนามที่มีประวัติศาสตร์น่าสะพรึง โดยเคยถูกใช้เป็นสถานที่ประหารชีวิตเชลยทางการเมือง ในระหว่างสงครามกลางเมืองของไอวอรีโคสต์ โดยสนามดังกล่าวคือ สต๊าด เด ลา ปาอิกซ์ ในเมืองบูอาเก เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไอวอรีโคสต์
ตามประวัติระบุว่า สต๊าด เดอ ลา ปาอิกซ์ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1984 เพื่อใช้งานในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ที่ไอวอรีโคสต์เป็นเจ้าภาพในปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2002 ถึงมีนาคม 2007 ซึ่งเป็นช่วงของการเกิดสงครามกลางเมืองครั้งแรกในไอวอรีโคสต์นั้น สนามดังกล่าวไม่ได้ถูกใช้เป็นสังเวียนแข่งฟุตบอล เนื่องจากกลุ่มกองกำลังใหม่ ซึ่งพยายามทำการยึดอำนาจนั้น ใช้สนามดังกล่าวเป็นลานประหารชีวิตเชลย ซึ่งเป็นตำรวจและทหารของฝ่ายรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม หลังสงครามกลางเมืองสงบ ไอวอรีโคสต์ ตัดสินใจใช้สังเวียนแข้งดังกล่าวในเกมกับ มาดากัสการ์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2007 ซึ่ง ทัพ “ช้างดำ” ถล่มขาดลอย 5-0 โดยหนึ่งในคนที่ยืนยันว่าเกมดังกล่าวต้องเล่นกันที่สนามแห่งนี้ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คือ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตำนานดาวยิงของทัพ “ช้างดำ” ขณะที่หลายฝ่ายระบุว่า เกมดังกล่าวถือเป็นการกระตุ้นครั้งสำคัญที่ทำให้เกิดการเจรจาปรองดอง และนำไปสู่การลงนามในข้อตกลงสงบศึกและรวมกองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย อย่างเป็นทางการ
มาจนถึงปัจจุบัน สต๊าด เดอ ลา ปาอิกซ์ ได้รับการปรับปรุงเมื่อปี 2020 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นสังเวียนแข้งในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ปีนี้ โดยสนามมีความจะราว 40,000 ที่นั่ง ใหญ่สุดเป็นอันดับ 3 ของสนามที่ใช้ในทัวร์นาเมนต์นี้ และจะถูกใช้งาน 6 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม รวมถึงเกมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 1 นัด รอบ 8 ทีมสุดท้าย 1 นัด และ 1 ใน 2 ของเกมรอบรองชนะเลิศด้วย