หลังจากในปี 2022 หนังไทยอย่าง 4KINGS อาชีวะยุค 90 จากค่าย “เนรมิตรหลังฟิลม์” โดยผู้กำกับ พุฒิ-พุฒิพงษ์ นาคทอง สามารถโกยรายได้ทั่วไปเทศไปกว่า 170 ล้านบาท ทั้งที่อยู่ในช่วงเฝ้าระวังโควิด-19 ก็ทำเอาคอหนังไทยหลายคน เฝ้าติดตามรอว่าเมื่อไหร่จะมีภาค 2 ซึ่งในช่วงท้ายเรื่องจากภาคแรก ได้เกริ่นนำไว้แล้วว่า จะเป็นเส้นเรื่องของ 2 สถาบันคู่อริอย่าง “กนกอาชีวะ” กับ “ช่างกลบุรณพนธ์” รวมไปถึงเรื่องราวของ “ยาท” เด็กบ้านเมตตาที่ออกมาป่วนกลุ่มช่างกลชนิดไม่สนใจใครหน้าไหน เพราะพี่แกตามไล่ล่าทุกสถาบัน กระสุนที่ยิงสังหาร “ดา อินทร” (เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ) ตัวเอกจากภาคแรก ก็คือมากจากฝีมือเขาล้วน ๆ ดังนี้ในภาคนี้ผู้ชมจะได้รู้จักตัวร้ายตัวนี้มากขึ้นอย่างแน่นอน
เรื่องย่อ 4KINGS 2 (2023) ความยาว 139 นาที “บ่าง กนก” (รับบทโดย แหลม-สมพล รุ่งพาณิชย์) ต้องการจะล้างแค้นให้เพื่อนหลังจาก “รก บุรณพนธ์” (จี๋-สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร) และพรรคพวกทำร้ายเพื่อนของเขาจนบาดเจ็บสาหัส ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องเผชิญกับ “ยาท เด็กบ้าน” (รับบทโดย บิ๊ก-อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบรียล) ตัวแปรสำคัญในการจุดชนวนความขัดแย้งให้ดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ “บ่าง” จะสามารถล้างแค้น “รก” ได้หรือไม่ “ยาท” ที่จ้องเล่นงานเด็กอาชีวะทุกคนเป็นเพราะสาเหตุใด สามารถติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
จุดแข็ง หากใครที่เคยดูภาคแรกแล้วจะเข้าใจเส้นเรื่องได้มากขึ้นเพราะมีอิสเตอร์เอ็กเชื่อมโยง แต่ถ้าไม่ได้ดูมาก่อน ก็ยังดูรู้เรื่องอยู่ดี สำหรับ 4KINGS 2 ต้องขอชื่นชมบทและการแคสตัวนักแสดง เพราะเล่นได้ดีทุกคน สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีกว่าภาคแรก แม้บทแอ๊คชั่นจะน้อยกว่าก็ตาม แต่กลับมีครบทุกอารมณ์ โดยเฉพาะการโชว์ภาพของความโหดดุดิบ ที่ใส่มาแบบไม่เกรงใจ ทุกตัวละครแสดงได้ยอดเยี่ยม ไม่มีช่วงดรอปหรือตกหล่นอะไรเลย
ใครที่ดูภาค 1 มาจะรู้สึกหมั่นไส้กับบทบาทของ “ยาทเด็กบ้าน” ยิ่งมาดูหนังตัวอย่างภาค 2 ก็ต้องเริ่มตั้งคำถามว่า นักแสดงพยายามใส่ความโอเวอร์ลงไปเยอะทำไมกัน ซึ่งคำถามนี้ในช่วงท้ายของเรื่อง จะตอบโจทก์ให้คุณทุกอย่างให้คุณกระจ่างเอง โดยเฉพาะ “บิ๊ก-อุกฤษ ” กับแสดงออกมาได้สุดพลัง ทั้งสีหน้า แววตา เชื่อว่าบทนี้คงไม่มีใครเล่นได้เท่าเขาอีกแล้ว
จุดอ่อน มีความพยายามจะคุมโทนอารมณ์ของความเศร้าและหดหู่ใจ แต่กลับกลายเป็นจุดอ่อนอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือ บทของ “ตาชัย” (รับบทโดย สหัสชัย ชุมรุม) หลังจากสูญเสียหลานชายไปแล้ว จะมีช่วงหนึ่งที่ “เจ๊บุ๊ง” (รับบทโดย ทราย-อินทิรา เจริญปุระ) พี่สาวของ “บ่าง” เข้าไปดูแลตาที่บ้าน จังหวะบอกคิดถึงหลานชาย เป็นอะไรที่ขยี้อารมณ์ผู้ชมได้มากมาย
จังหวะตาชัย กล่าวว่า “…ตาอยากไปเที่ยวบางแสน…” ตรงนี้ทำให้หลาย ๆ คนถูกเบรกอารมณ์ เหตุจากหลานชายเพิ่งตายไปไม่นาน ตาอยากไปเที่ยว??? แม้จะเข้าใจและตีความได้ว่า ตาอยากให้หลานชายยังอยู่ เพื่อจะได้พาไปเที่ยวตามสัญญา แต่คำพูดดังกล่าวก็ยังเบรกอารมณ์ผู้ชมอยู่ดี
ความจริงแล้วเรื่องนี้มันมีจุดที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ ภาพวาดศิลปะสมัยเด็ก ๆ ที่ติดอยู่ฝาบ้านของตา หากตาใช้ให้ “เจ๊บุ๊ง” หยิบมาให้ตาดู ในรูปมีภาพวาดของเด็ก ๆ นั่นก็คือ “ยาท” และ “บ่าง” ถือไอติมในมือ น่าจะขยี้อารมณ์ได้ดีกว่าการที่ตาบอกอยากไปเที่ยวทะเลก็เป็นได้…
5/5 ดีทุกด้าน เป็นหนังไทย The Best อีกเรื่องของปี 2566 ทำออกมาดีกว่าภาคแรก มิติของตัวละครหลักสามารถทำให้ผู้ชมอินกับบทบาทมากกว่า แอ๊คชั่นตีรันฟันแทงน้อยกว่า แต่คุมจังหวะได้ดีกว่า แม้จะโชว์ความโหดระดับ 18+ แต่ก็ถือว่าเอาอยู่ ในส่วนของงานภาพโลเคชั่นแต่ละฉาก ถูกดีไซน์มาอย่างละเอียด แม้แต่เวทีคอนเสิร์ต โมเดิร์นด็อก ที่ อาชีวเฉลิมสาสน์ เปิดศึกกกับ บุรณพนธ์ ก็ยังทำออกมาได้เหมือนในเหตุการณ์ที่มีการตะลุมบอนกันจริง ๆ ในอดีต… ดูเลยคุ้มค่าตั๋ว..แน่นอน!!!
———————————————
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ เนรมิตรหนังฟิลม์