นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังพร้อมคณะเดินทางไปร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 12-19 พ.ย. 66 ณ นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา

แต่ก่อนการประชุมเอเปคจะเริ่มขึ้น นายกฯเศรษฐามีนัดพบปะผู้บริหารบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ หลายบริษัทไม่ว่าจะเป็น HP-ADI-WALMART-WESTERN DIGITAL-AWS-GOOGLE-MICROSOFT

แต่ไฮไลต์คือการพบกับผู้บริหารและเยี่ยมชมโรงงานเทสล่า (TESLA) ยักษ์ใหญ่วงการรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้พบกัน 2 ครั้งแล้ว เพื่อชวนเทสล่ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย โดยมีเอกชนไทย 3 ราย ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ตั้งโรงงาน เสนอตัวเข้ามาให้เป็นตัวเลือกของเทสล่า

นอกจากนี้นายกฯเศรษฐายังชวนผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เทสล่าไปดูที่ตั้งโรงงาน พร้อมทั้งชมซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่ จ.เชียงใหม่ และเข้าร่วมเทศกาลยี่เป็งด้วย หลังจากเทสล่ามีความสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย และคาดว่าจะตัดสินใจในช่วงไตรมาสแรกของปี 67

ส่วนบริษัทอื่น ๆ นอกจากเทสล่า นายกฯเศรษฐาได้ชวนมาตั้งโรงงาน และตั้งสำนักงานในประเทศไทยด้วยนายกฯเศรษฐาบอกว่า “คุยกับนักลงทุน ก็เหมือนการจีบสาว ต้องขยันไปหา ขยันคุย แล้วชวนไปกินข้าวชวนไปเที่ยว”

แต่สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ในการประชุมเอเปค คือประเทศไทยหอบโครงการแลนด์บริดจ์ จ.ชุมพร-ระนอง มูลค่าโครงการ 1 ล้านล้านบาท มาโรดโชว์ด้วย เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการขนส่งสินค้าทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นตู้สินค้า และน้ำมัน หลังจากเส้นทางหลักในการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกา-สิงคโปร์ มีสภาพความแออัด ปัจจุบันต้องใช้เวลา 9 วัน กว่าเรือจะผ่านช่องแคบมะละกา-สิงคโปร์ไปได้

ดังนั้น “แลนด์บริดจ์” จะเป็นเส้นทางเดินเรือเส้นทางใหม่ของโลกที่มีความสำคัญต่ออเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี โดยก่อนหน้านี้ได้มีเจ้าหน้าที่เยอรมนี-อเมริกา เข้าหารือเพื่อสอบถามรายละเอียดโครงการ จากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม แล้ว

แต่ก่อนนายเศรษฐามาเอเปค มีประเด็นข่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน 3 เรื่อง คือ เรื่องนำตำรวจจีนเข้ามาตรวจตรา จับกุมกลุ่มจีนสีเทาเกเร-ปัญหาหมูเถื่อน-เงินดิจิทัล วอลเล็ต

นายกฯเศรษฐายืนยันไม่เคยคุยกับผู้นำจีนเรื่องตำรวจจีน และไม่เคยสั่งการแบบนั้น แต่น่าจะเป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อนกันมากกว่า ส่วนกรณีหมูเถื่อนได้เร่งรัดให้ดีเอสไอ-ปปง. สาวให้ถึงตัวการใหญ่มาดำเนินคดี เพราะหมูเถื่อนสร้างความเสียหายให้ผู้เลี้ยงหมูรายเล็ก รายกลาง เป็นอย่างมาก

ส่วนการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต นายกฯเศรษฐาบอกว่า 9 ปีที่ผ่านมา “จีดีพี” โตเฉลี่ยปีละ 1.8% ขณะที่หลายประเทศในอาเซียนจีดีพีโตมากกว่าไทย 2 เท่า ถ้าไม่มีโครงการใหญ่มากระตุ้นเศรษฐกิจ และปล่อยเรื้อรังไว้แบบนี้จีดีพีโตต่ำกว่า 2% แล้วใครจะอยากมาลงทุนในไทย?

แต่ “พยัคฆ์น้อย” มอง 9 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่“จีดีพี” ที่มีปัญหา แต่เรื่อง “ข้าราชการเกียร์ว่าง” ก็เป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญของประเทศไทยด้วย!!

——————-
พยัคฆ์น้อย