“Red Life เรดไลฟ์” หนังรักโลกไม่สวย จากสตูดิโอน้องใหม่ BrandThink Cinema ซึ่งเปิดตัวฉายที่ญี่ปุ่น ก่อนมาฉายที่ไทย กำกับโดย เอกลักญ กรรณศรณ์ ที่นำเรื่องราวความรักมาเล่าผ่านตัวละครที่ต้องปากกัดตีนถีบ ในสังคมที่ไม่ได้เหลียวแลคนชายขอบที่เต็มไปด้วยบาดแผลในชีวิต จนถูกนิยามว่า Red Life แต่คนทุกคนก็ต้องการความรัก และก็พยายามไขว่คว้าหามันอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อจะบรรเทาอาการเหงาให้เบาบางลงได้บ้างก็ยังดี เพราะชีวิตที่เหมือนตัวคนเดียวไม่มีใครให้พึ่งพานั้น มันช่างเหงา อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว และโดดเดียวจนเกินจะแบกรับไหว

หนังรักฟีลแบดเรื่องนี้ นำแสดงโดย แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์ ร่วมด้วยนักแสดงรุ่นใหม่ ซิดนีย์ สุพิชชา สังขจินดา, จ๋อมแจ๋ม กานต์พิชชา พงษ์พานิชย์, บิ๊ก ดี เจอร์ราร์ด, ฝ้าย สุมิตตา ดวงแก้ว และนักแสดงมือเก๋าที่ทำให้หนังมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นอย่าง ปู กรองทอง รัชตะวรรณ และ นาย มานพ มีจำรัส

ชวนคนที่เคยถูกรัก และคนที่เคยถูกทิ้ง มาดูหนังรักโลกไม่สวยไปพร้อมกันกับเรื่องราวของ “ส้ม” (รับบทโดย ซิดนีย์ สุพิชชา) วัยรุ่นสาวที่มีแม่เป็นโสเภณีที่ยอมกัดฟันขายตัวเพื่อส่งลูกสาวไปเรียนในโรงเรียนดีๆ โดยที่ตัวส้มเองหวังว่า วันหนึ่งเธอจะได้พบกับความรักที่จะพาเธอออกไปจากโลกที่แสนน่าเกลียดนี้ จนกระทั่ง ส้ม ได้พบกับ “พีช” (รับบทโดย ฝ้าย สุมิตตา) รุ่นพี่ที่โรงเรียน ทั้งสองรู้สึกถูกดึงดูดเข้าหากัน จนเรื่องราวความรักในโลกแห่งความจริงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ขณะที่อีกมุมหนึ่งของสังคมก็ยังมี “เต๋อ” (รับบทโดย แบงค์ ธิติ) หนุ่มวัยรุ่นที่พยายามทำมาหากิน แต่สุดท้ายก็ต้องมาจบลงที่การเป็นโจรกระจอกเหมือนเดิม เต๋อ มี “มายด์” (รับบทโดย จ๋อมแจ๋ม กานต์พิชชา) โสเภณีวัยรุ่นที่เป็นดั่งรักเดียวของเขา เต๋อจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะพามายด์ออกไปจากวังวนชีวิตโสมม เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนคู่รักทั่วไป แต่ยิ่งพยายามเท่าไร ก็เหมือนเต๋อยิ่งดำดิ่งสู่โลกมืดหม่นมากขึ้นเท่านั้น

เรื่องราวความรักที่พวกเขาทั้งหมดพยายามดิ้นรนไขว่คว้า อาจเป็นรักทั่วไปที่ใครๆ ก็สามารถมีได้ แต่สำหรับตัวละครใน Red Life ดูเหมือนอาจเป็นสิ่งที่มีราคาแพงเกินไปสำหรับพวกเขา

นี่เป็นหนังที่นักแสดงได้รับบทบาทที่ท้าทายความสามารถ ทำให้พวกเขาและพวกเธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อถ่ายทอดมันออกมา และผู้ชมอย่างเรา ๆ ก็สามารถรับรู้ถึงความพยายามเหล่านั้นได้ โดยเฉพาะ “ปู” กรองทอง รัชตะวรรณ ที่ทุ่มเทเต็มที่กับบทนี้ ถึงกับยอมเล่นฉากเปลือยอกกับ บทโสเภณีสาวรุ่นใหญ่ “อ้อย” และอีกหนึ่งตัวละครที่โดดเด่นที่สุดก็คือ “ลุงกั๊ก” ซึ่งรับบทโดย มานพ มีจำรัส นี่คือตัวละครทรงเสน่ห์ ที่เปรียบเสมือนหยาดทิพย์ชโลมใจให้กับผู้ชมและส้มใน Red Life ที่ยิ่งดูก็ยิ่งดิ่ง ขณะที่ “ฝ้าย” สุมิตตา ดวงแก้ว อดีตเมมเบอร์จากวงไอดอลดัง BNK48 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจ และเป็นหนึ่งในสิ่งงดงามของภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ก็โสมมและหลอกลวงที่สุดเช่นเดียวกัน

แต่ MVP ของ Red Life สำหรับ “หมีเช” ก็คือ “จ๋อมแจ๋ม” กานต์พิชชา พงษ์พานิช ที่รับบทโสเภณีสาวรุ่น มายด์ เธอแสดงได้ดีมาก ๆ ดูเหงาและต้องการความรักตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ยามที่ต้องออกไปทำมาหากินท่ามกลางสนามรบอันแสนดุเดือด มายด์ ก็พร้อมถกแขนเสื้อสู้ไม่ถอย เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินไปเลี้ยงชีวิต และมันไม่เคยพอจะนำไปใช้ชีวิตได้ด้วยซ้ำ

ฝั่ง เรย์ แม็คโดนัลด์ ที่รับบท พ่อของมายด์ แม้จะออกมานิดเดียว แต่ก็ทรงพลังและเก๋าเหลือเกิน

ส่วน แบงค์ ธิติ ยอมลดน้ำหนักถึง 10 กิโลกรัม เพื่อให้มีความสมจริงกับบทบาทของ เต๋อ โจรกระจอกที่ใช้ชีวิตได้เละเทะที่สุด การแสดงของแบงค์ก็ได้มาตรฐานอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นเท่า จ๋อมแจ๋ม, ปู และ มานพ ขณะที่ ซิดนีย์ ถือว่าสอบผ่าน

จุดแข็งของ Red Life

การแสดงของ “มานพ” ที่รับบท “ลุงกั๊ก” ทรงพลังมาก ๆ และเป็นหนึ่งในตัวละครจำของหนังเรื่องนี้เลย ถ้าขาดลุงกั๊กไป Red Life ก็จะขาดสีสันเฉดหวาน ๆ ปนขมที่งดงาม

เช่นเดียวกับ “จ๋อมแจ๋ม” กับบท “มายด์” ที่เรารับรู้ได้ถึงความเหงาสุดพลัง และการไขว่คว้าหาความรักอย่างสุดชีวิตด้วย เธอทำให้เราเชื่อจนหมดใจว่า ผู้หญิงที่ชื่อมายด์นั้น ขาดความรักและต้องการความอบอุ่นมากขนาดไหน

โปรดักชั่นส์ต่าง ๆ ในหนังที่มีความพิถีพิถัน เสื้อผ้าของนักแสดงทั้งหมดเป็นเสื้อผ้ามือสอง และทุกตัวมีชิ้นเดียว เพื่อให้หนังมีความสมจริงที่สุด ฉากขับรถตกคลองก็เป็นอีกฉากที่น่าประทับใจในแง่ของการถ่ายทำ

บทหนังที่ดี มันไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกประดักประเดิด คำพูดมันไม่ได้หยาบจนเกินไป และก็ไม่ได้โลกสวยหรือกวีจนเกินไป โดยส่วนใหญ่เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ มันมีความสมจริง และทำให้เราเชื่อว่า คนที่อยู่ในสังคมนั้น ๆ คนที่โหยหาความรักเบอร์นั้น และอยู่ในสถานการณ์วายป่วงแบบนั้น จะพูดคำนั้น ๆ ออกมาจริง ๆ

ความทรงพลังที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ เพลง “แย้มบาน” ของ AUTTA ที่มันเข้ากับหนังเหลือเกิน จนเหมือนว่า อัตตา แต่งเพลง ๆ นี้ให้กับหนังเรื่องนี้

จุดอ่อนของ Red Life

น่าเสียดายที่หนังขาดฉาก Flashback ที่สามารถเล่าเรื่องย่อ ๆ ถึงชีวิตในอดีตของแต่ละตัวละคร เพื่อให้เราได้ทราบถึงที่มาที่ไปของแต่ละคนได้ดีเพียงพอ ถ้ามีการใส่เอาไว้สักคนละนิดละหน่อย เหมือนเป็นคำถามปลายเปิดให้คนดูไปตอบตามแต่ละประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง มันจะทำให้หนังสมบูรณ์และมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น

4/5
ถือเป็นหนังไทยที่น่าจับตามองอีกเรื่องหนึ่ง มีความเป็นหนังเทศกาล แม้จะไม่ได้มีอะไรสดใหม่ขนาดนั้น แต่ความมีเสน่ห์บางอย่างที่ทีมงานและผู้กำกับใส่เข้าไป ก็ทำให้หนังเป็นที่รักและน่าจดจำในบางมุมบางฉากบางตอน เสียดายที่บทของลุงกั๊ก มันมีเสน่ห์มาก ๆ แต่มันดูฟุ้ง ๆ ไปหน่อย แต่บทของมายด์กับส้มที่มันดูสมจริงเหลือเกิน ก็ขาดการเล่าพื้นหลังตัวละครที่ดี ส่วนใหญ่การปูพื้นตัวละคร เล่าเรื่องในอดีต ใช้แค่คำพูดในบทเล่าเท่านั้น ไม่ได้มีภาพมาช่วยเล่า ซึ่งมันจะทรงพลังกว่า

ชม MV เพลง แย้มบาน – AUTTA Ost. RedLife เรดไลฟ์

หมีเช