ทั้งนี้ การบ้านต่อเนื่องที่ว่าก็คือ “รัฐจะทำเช่นไรจึงจะแบ่งเบาภาระให้กับคนที่เป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ??” โดยเฉพาะกรณี “ผู้ดูแลผู้สูงอายุก็เป็นผู้สูงอายุเช่นกัน!!” ซึ่งในเวลานี้ผู้ดูแลผู้สูงอายุกลุ่มนี้ก็มีจำนวนไม่ใช่น้อยแล้ว ที่มีปัจจัย-เป็นผลพวงจาก “ไทยยุคนี้เป็นยุคครอบครัวเดี่ยว” โดยการบ้านนี้…

ก็เป็น “ปรากฏการณ์สังคมที่น่าคิด??”

น่าร่วมค้นหาว่า “รัฐจะช่วยแก้เช่นไร??”

เพื่อปลดล็อก “ป้องกันปัญหาซ้ำซ้อน!!”

กับเรื่องที่ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลในวันนี้…นี่ก็เป็นประเด็นที่นักประชากรศาสตร์และนักสังคมศาสตร์ให้ความสนใจ หลังจากกลายเป็นอีกหนึ่ง “ปรากฏการณ์สังคม” ที่หากไม่มีแนวทางรองรับ-รับมือสถานการณ์ดังกล่าว ก็อาจกลายเป็น“อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ในสังคมเมื่อประเทศไทยเข้าสู่ยุคผู้สูงอายุเต็มตัว” ซึ่งเรื่องนี้ประเด็นนี้ก็มีบทวิเคราะห์น่าสนใจโดย ศ.เกียรติคุณ ปราโมทย์ ปราสาทกุล ที่เผยแพร่อยู่ใน เดอะประชากร.คอม (www.theprachakorn.com) กับบทความบทวิเคราะห์ที่ใช้ชื่อว่า… “เห็นใจผู้สูงอายุที่ต้องเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ” ซึ่งมีประเด็นน่าสนใจเช่นไรบ้าง?…มาดูกัน…

ทั้งนี้ ทาง ศ.เกียรติคุณ ปราโมทย์  ฉายภาพปัญหาไว้ในบทความบทวิเคราะห์ดังกล่าว โดยสังเขปมีว่า… เมื่อนำสถิติข้อมูลประชากรจากทะเบียนราษฎรของ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มาวิเคราะห์ พบว่า…ประชากรตามทะเบียนราษฎรในปี 2565 นั้น มีอัตราเพิ่มติดลบ ซึ่งปี 2565 มีจำนวนการเกิดน้อยกว่าการตายสูงถึงเกือบ 9 หมื่นคน โดยจากอัตราของเด็กเกิดใหม่ที่มีแค่ราว 5 แสนคน แต่กลับมีคนตายสูงเกือบ 6 แสนคน ซึ่งหากคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น ที่ไม่รวมการย้ายถิ่นเข้าออกประเทศ อัตราการเพิ่มของประชากรไทยมีตัวเลขอยู่ที่ -0.02% ซึ่งสะท้อนว่า… สถานการณ์ประชากรไทย “น่าเป็นห่วง!!”…

จากการที่ “อัตราการเพิ่มขึ้นติดลบ!!”

และการที่อัตราเพิ่มประชากรของไทยติดลบนี้ ในปี 2565 ติดลบเป็นปีที่ 2 แล้ว และ มีแนวโน้มว่าในปี 2566 นี้อัตราเพิ่มของประชากรไทยก็จะยังคงติดลบต่อเป็นปีที่ 3 โดยที่…จากที่ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ได้เฝ้าติดตามจำนวนเกิดและตายในแต่ละเดือนที่ผ่านมาของปี 2566 นี้ พบว่า… ถึงช่วงสิ้นเดือน ก.ค. ไทยมีเด็กเกิดแล้ว 291,534 คน แต่มีคนตายไปแล้ว 341,702 คน หรือในไทย ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2566 มีจำนวนคนตายมากกว่าคนเกิดมากถึงราว 5 หมื่นรายแล้ว…

แนวโน้ม “การเกิดยังติดลบต่อเนื่อง”

เป็นสถานการณ์ในไทยที่ “น่าตกใจ!!”

ทาง ศ.เกียรติคุณ ปราโมทย์  ระบุไว้อีกว่า… สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ หากย้อนกลับไปในอดีตราว 50-60 ปีก่อน ก็คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าประเทศไทยจะมีเด็กเกิดใหม่ลดน้อยลงแบบนี้ ซึ่งในเวลานั้นไทยเริ่มนโยบายชะลออัตราเพิ่มหรือเด็กเกิดใหม่ โดยใช้โครงการวางแผนครอบครัวด้วยระบบสมัครใจ เนื่องจากขณะนั้นมีอัตราการเกิดสูงมาก โดยปี 2506 ถึงปี 2526 ไทยมีเด็กเกิดในแต่ละปีเกินกว่า 1 ล้านคน และในปี 2514 ไทยมีเด็กเกิดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ คือสูงกว่า 1.2 ล้านคน ที่ต่างจากปัจจุบันซึ่งมีเด็กเกิดใหม่ในปี 2565 เพียง 5 แสนคน หรือคิดเป็น 40% ของการเกิดในปีที่เด็กไทยเกิดมากที่สุด!!…

นี่เป็นตัวเลขที่ชวนตกใจไม่น้อย!!…

ทั้งนี้ จากการที่ “การเกิดติดลบ” เช่นนี้ แม้การตายจะมากกว่าการเกิด แต่ก็…ทำให้ไทย “มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” โดย ศ.เกียรติคุณ ปราโมทย์ ได้อธิบายปัญหานี้ไว้ว่า… ขณะที่อัตราเพิ่มประชากรไทยติดลบ แต่อัตราเพิ่มของประชากรสูงอายุกลับเพิ่มขึ้นรวดเร็ว โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นด้วยอัตรา 4-5% ต่อปี ประชากรสูงอายุวัยปลาย หรือผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มด้วยอัตราเฉลี่ย 7-8% ต่อปี ซึ่ง ถ้าอัตราเพิ่มของผู้สูงอายุยังคงพุ่งขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ในอนาคตไทยอาจเผชิญ “คลื่นยักษ์สึนามิประชากรผู้สูงอายุ” และหนึ่งใน “ปัญหาที่จะตามมาด้วย”คือปัญหาจากการที่…

“มีผู้สูงอายุที่ต้องดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น!!”

ที่ปัจจุบันเริ่มพบปัญหากรณีนี้บ้างแล้ว

และ ศ.เกียรติคุณ ปราโมทย์ ปราสาทกุล ยังได้ระบุไว้ “น่าคิด” ด้วยว่า… คนเราถึงจะมีบุญวาสนามากมายเพียงใด ก็อาจต้องมีระยะเวลาหนึ่งในชีวิตที่จะต้องพึ่งพา-พึ่งพิงคนอื่น นั่นคือ…อาจจะต้องมีผู้ดูแลในการทำกิจวัตรประจำวันในยามที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งเมื่อครั้งสังคมไทยยังประกอบไปด้วยครอบครัวขยาย ปัญหาก็ยังไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก เพราะยังมีคนในครอบครัวที่จะช่วยดูแลผู้ที่อยู่ในภาวะต้องพึ่งพา-พึ่งพิง แต่ปัจจุบันครอบครัวในสังคมไทยมีขนาดเล็กลง อีกทั้งคนจำนวนมากไม่แต่งงาน หรือแต่งงานแต่มีลูกน้อยหรือไม่มีลูกเลย ทำให้ ในอนาคตจะมีผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพังมากขึ้น ทั้งผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพังคนเดียว ผู้สูงอายุที่อยู่กับคู่สมรส หรือผู้สูงอายุที่อยู่กับผู้สูงอายุด้วยกัน ซึ่งการที่ไม่มีคนรุ่นอื่นอยู่ด้วยนี้…

ก็จะต้องรับบทหนัก…“แก่ต้องดูแลเฒ่า”

กรณีแบบนี้…“ยิ่งมีมากก็ยิ่งน่าเป็นห่วง”

น่ากลัว…“สึนามิสังคมสูงวัยถล่มไทย!!”.