ครบ 1 ปี 8 เดือน มีผู้ใช้บริการรวม 60,572,700 ครั้ง มีรถที่ผูกบัญชีเป็นสมาชิกแล้ว 698,690 คันสำหรับการใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติพิเศษแบบไม่มีไม้กั้น (Multi-lane Free Flow) หรือ M-Flow (ที่แปลว่าไหลลื่น เคลื่อนตัว) นำร่องใช้งานบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) M9 สายวงแหวนกาญจนาภิเษก (บางปะอิน-บางพลี)รวม 4 ด่าน ด่านทับช้าง 1, 2 และ ด่านธัญบุรี 1, 2 ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 2565
การมอบนโยบายกรมทางหลวง (ทล.) เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2566 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. คมนาคม ให้ขยายบริการM-Flow เนื่องจากให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเรื่องการจราจรติดขัดหน้าด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์แบบในอดีตต้องหมดไป จำเป็นต้องใช้M-Flow เป็นหลักเพื่อให้การจราจรลื่นไหล ไม่เกิดปัญหาจราจรติดขัดเป็นคอขวดหน้าด่านเก็บเงิน
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ให้รายละเอียดว่า ปัจจุบันปริมาณการจราจรบนมอเตอร์เวย์ M9 อยู่ที่300,000 คันต่อวัน เฉพาะเดือน ก.ย.2566 ใช้M6ทั้งหมด 8,812,432 ครั้ง ในจำนวนนี้ใช้ระบบ M-Flow 3,467,071 ครั้ง หรือคิดเป็น 39% เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนแรก (ก.พ.-มี.ค.2565) ที่มีผู้ใช้บริการเพียง 18.9% ส่วนช่องเอ็มพาส-อีซี่พาส 1,336,782 ครั้ง คิดเป็น 15% ลดลงจาก 19.64% และช่องเงินสด 4,008,579 ครั้ง หรือ 45% ลดลงจาก 61% จากช่วง 2 เดือนแรกที่เปิดระบบ M-Flow
สะท้อนให้เห็นว่าส่วนที่หายไป 16% ของผู้ใช้บริการช่องเงินสด หันมาเลือกใช้ M-Flow แทน เนื่องจากสะดวกในการเดินทาง ลดระยะเวลาบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง สามารถวิ่งผ่านด่านได้ก่อน และจ่ายค่าผ่านทางทีหลัง…..อธิบดีกรมทางหลวงย้ำถึงจุดเด่นที่ทำให้ผู้ใช้ทางเปลี่ยนใจจากระบบเงินสดมาเป็นM-Flow
กรมทางหลวงเตรียมขยายระบบ M-Flow บนมอเตอร์เวย์อีก 4 สาย ระยะทางรวม 506 กม. ประกอบด้วย M7 สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง ระยะทาง 189.67 กม. จำนวน 12 ด่าน วงเงินลงทุนประมาณ 900 ล้านบาท อยู่ระหว่างติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานของ M-Flow เตรียมจัดทำเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) และร่างสัญญางานจ้างบริหารจัดการระบบ คาดว่าจะเปิดบริการภายในปีงบประมาณ 2567 หรือภายใน ก.ย.2567 เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ 250,000 คันต่อวัน
รวมถึงอีก 3 สาย ระยะทาง 316.7 กม. 23 ด่าน M6สายบางปะอิน-นครราชสีมา 196 กม. 9 ด่าน M81สายบางใหญ่-กาญจนบุรี 96 กม. 8 ด่าน และ M82สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว 24.7 กม. 6 ด่าน
หากเทียบกับช่วงแรกในการใช้งาน ที่ประชาชนยังไม่ชินกับระบบ M-Flow ประกอบกับในขณะนั้น กรมทางหลวงยังอ่อนประชาสัมพันธ์ ขณะนี้ได้รับเสียงสะท้อนในเชิงบวกมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้ M-Flow เข้าใจระบบ ฝ่าฝืนหรือเข้าช่องผิดน้อยลง ทำให้ภาพรวมในการใช้ช่องทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ช่วยแก้ปัญหาหน้าด่านได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผู้ใช้ระบบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเงื่อนไขที่ต้องชำระค่าผ่านทางภายใน 7 วัน หากเกินกำหนดต้องจ่ายค่าปรับ 10 เท่าของค่าผ่านทางนั้น เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่ามีผู้ใช้บริการเกินกำหนดและเสียค่าปรับประมาณ 1% หรือประมาณ 1,000 คันต่อวัน กรณีไม่มาชำระค่าผ่านทางตามกำหนด เจ้าหน้าที่มีระบบแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานทราบเพื่อติดตามให้มาชำระ
สำหรับผู้ฝ่าฝืนไม่ชำระค่าผ่านทางตามที่กำหนด กรมทางหลวงได้บูรณาการกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ตำรวจทางหลวง (ตร.ทล.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผู้ใช้ทางที่มียอดค้างชำระสูง ตามระเบียบและข้อกฎหมายโดยมีสถิติของผู้ฝ่าฝืนที่สูงที่สุด 1,276 เที่ยว ค่าผ่านทาง 38,280 บาท ค่าปรับ 10 เท่า382,800 บาท รวมเป็น 421,080 บาท
อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงสะท้อนเชิงลบถึงปัญหาของระบบหลังบ้านM-Flowจำนวนมากอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ว่ายังบริหารจัดการไม่ดีพอ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเดิมๆ ที่ยังไม่ได้รับแก้ไข อาทิ เปิดช่องทางรับร้องเรียนจากผู้ใช้บริการแต่การสนองตอบในการแก้ไขปัญหาล่าช้า คอลเซ็นเตอร์รับเรื่องร้องเรียน 1586 ติดต่อยาก สายไม่ว่าง ร้องเรียนช่องทางไลน์แต่ไม่อ่านไลน์
รวมไปถึงปัญหาไม่ได้ใช้ช่อง M-Flowแต่โดนหมายเรียกให้ไปพบตำรวจว่าหลีกเลี่ยงค้างจ่าย ไม่มีวันเวลาสถานที่เกิดเหตุ ไม่มีรูปหลักฐาน โทรเช็คคอลเซ็นเตอร์นานมากกว่าจะรับสาย ปรากฏว่าเป็นรถคนละรุ่นกันเกิดจากความผิดพลาดของAi (ปัญหาประดิษฐ์) และอื่นๆอีกมากมาย…..
หน้าด่าน (หน้าบ้าน) ไหลลื่นแล้ว ก่อนขยายบริการ ควรเร่งแก้ไขปัญหา”หลังบ้าน”ให้สะดวกลื่นไหลด้วย