การจะทำให้ “บุหรี่ไฟฟ้า” ถูกกฎหมาย เข้าใกล้ความเป็นจริงมากแค่ไหน หลังจากมีการปัดฝุ่นแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ ( กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ขึ้นมาอีกรอบ เพื่อถกเถียงหาทางออกอย่างเหมาะสมในโลกของความเป็นจริง
ทีมข่าว Special Report สนทนากับ นายมาริษ กรัณยวัฒน์ แอดมินเพจบุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร? (ECST) กลุ่มลาขาดจากควันยาสูบ คนที่ให้ข้อมูลเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าและต่อสู้กับเรื่องดังกล่าวมาหลายปีแล้ว
แบน!แบบไร้การควบคุม-ตลาดโตปีละ100%
นายมาริษ กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องดีที่สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อจะได้มีการควบคุมและปกป้องเด็กและเยาวชน เพื่อมีการควบคุมคุณภาพสินค้า รวมทั้งภาครัฐและเกษตรกรไร่ยาสูบจะมีรายได้
ตนจำได้ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เคยหาเสียงไว้ว่าจะทำบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย ดังนั้นเมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จึงถึงเวลาผลักดันเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้อง และอยู่กับโลกของความเป็นจริงกันเสียที
“คุณแบนบุหรี่ไฟฟ้ากันมาหลายปี แต่แบนแบบไร้การควบคุม แบนกันอย่างไรให้ตลาดบุหรี่ไฟฟ้าโตปีละ 100% เนื่องจากมีร้านค้าเปิดเต็มไปหมด เปิดกันเป็นเรื่องเป็นราว บางคนมีเป็น 10 สาขา เปิดใกล้ๆโรงพักก็มี ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงง่าย ใครกำเงิน 100 กว่าบาทมาซื้อ ทางร้านเขาก็ขายให้ เขาไม่สนใจว่าคนซื้อเป็นใคร ราคามีตั้งแต่หลักร้อยบาท ไปถึงหลักแสนบาท เพราะอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นของสะสม เหมือนพระเครื่อง-นาฬิกา ราคาหมื่นบาท หรือเป็นแสนบาทอยู่ที่ขั้นตอนวิธีการทำ และวัสดุ”
หลายประเทศไม่ห้าม “บุหรี่ไฟฟ้า” ปลอดภัยกว่า!
นายมาริษ กล่าวต่อไปว่า ตนเคยสูบบุหรี่มวนมากว่า 20 ปี แต่เนื่องจากตอนหลังไปบินเครื่องบินเล็ก บินเครื่องอุลตร้าไลท์ ขณะบินสูบบุหรี่มวนไม่ได้ เพราะอยู่ใกล้ถังน้ำมันเครื่องบิน จึงไปหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า แล้วเปลี่ยนไปสูบบุหรี่ไฟฟ้ามา 10 ปีแล้ว ปัจจุบันสูบบุหรี่มวนไม่ได้อีก เพราะรู้สึกเหม็น ได้กลิ่นไหม้ไม่ได้แล้ว อาการเหนื่อยจากการเล่นกีฬาน้อยลง ตื่นเช้าเสมหะที่เคยเต็มคอเหมือนตอนสูบบุหรี่มวนก็ไม่มีแล้ว ไม่มีอาการเจ็บคอเหมือนก่อน รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น กินอาหารอร่อยขึ้น นี่คือตน!
ขณะเดียวกันยังไม่มีงานวิจัยที่ชัดเจนว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายมากกว่าบุหรี่มวน หลายประเทศ เช่น อังกฤษ นิวซีแลนด์ ก็ให้ประชาชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ ไม่มีประเภทไปไล่จับ แล้วปิดๆ เปิดๆ เหมือนบ้านเรา เพราะเขาเห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า
แต่บ้านเรายังถกเถียงกันอยู่ว่าจะไปทางไหนดี จนตอนนี้มูลค่าตลาดบุหรี่ไฟฟ้าโตเป็นหมื่นล้านบาทต่อปี เพราะมีจำนวนคนสูบหลายแสนคน ในสภาฯสูบกันเยอะ เวลาตนไปประชุมคณะกรรมาธิการฯ คนนั่งข้างๆก็สูบบุหรี่ไฟฟ้า ในสภาฯไม่มีมุมสูบบุหรี่ ไม่มีที่เขี่ยบุหรี่ ไม่ได้เลิกสูบนะ เพราะเขาหันไปสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันเยอะแล้ว
ทำให้ถูกกฎหมาย “ภาครัฐ-เกษตรกร” มีรายได้
ถ้าเอาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาไว้บนดิน ทำให้ถูกกฎหมาย กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และเกษตรกรไร่ยาสูบจะมีรายได้ โดยคนไทยสามารถผลิตอุปกรณ์ ฝาครอบ หรือตัวสัมผัสกับปากสูบ ส่งออกไปขายต่างประเทศ เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูง ใครเก่ง มีฝีมือจนสินค้ากลายเป็นแบรนด์ดัง ต้องสั่งซื้อกัน 6 เดือนก็มี คนไทยเก่งๆไปอยู่เมืองนอก ไปดังที่เมืองนอกก็มี เคยเข้าประกวดในงานระดับโลกแล้วคว้ารางวัลที่ 1 กลับมาด้วย แต่มาเชิดหน้าชูตาในประเทศไทยไม่ได้ ผลิตอุปกรณ์จากประเทศไทยแล้วส่งออกไปขายไม่ได้ เพราะติดขัดข้อกฎหมาย
รวมทั้งน้ำยาที่ผลิตโดยคนไทย ผ่านมาตรฐานของเมืองนอก ส่วนโรงงานยาสูบของรัฐสามารถรับซื้อใบยาสูบจากพี่น้องเกษตรกรตามโควต้าปกติ เพื่อเอาผลิตเป็น “นิโคตินเหลว” ส่งออกไปขายต่างประเทศ สามารถแข่งขันได้สบายมาก
ส่วนน้ำยา-อุปกรณ์ให้คนอื่นทำ โรงงานยาสูบขายแค่นิโคตินเหลวอย่างเดียว เนื่องจากตลาดน้ำยามีความหลากหลาย ถ้าโรงงานยาสูบทำเดี๋ยวเจ็บตัวอีก แต่ขายนิโคตินเหลวอย่างเดียว เพื่อสนับสนุนเกษตรกร
โดยออกเป็นกฎหมายว่า 1.ใครจะผลิตน้ำยา ต้องมาขึ้นทะเบียน และส่งสูตรน้ำยา ให้โรงงานยาสูตรตรวจก่อน 2.ต้องซื้อนิโคตินจากโรงงานยาสูบเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ไปขออากรสแตมป์จากกรมสรรพสามิตมาติด ผลิตเท่าไหร่ ออกมากี่ขวด คุณภาพเป็นอย่างไร อยู่ในระบบหมดเลย ตรวจสอบได้หมดเลย แต่ถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้ผลประโยชน์ปีละเป็นหมื่นๆล้านบาท ไปตกอยู่กับขบวนการคอร์รัปชั่น ตั้งแต่การนำเข้า และเจ้าหน้าที่ในท้องที่
สำหรับบบริษัทบุหรี่ต่างประเทศตอนนี้ทำหมด เขาเบนเข็มมาทางบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเทรนด์ของคนสูบบุหรี่ไปทางนั้น ทุกบริษัทรู้ว่าการใช้ใบยาสูบจุดไฟสูบ มีผลต่อร่างกายเยอะ
กดไว้ใต้ดิน! ใครได้ผลประโยชน์กันแน่?
ที่ผ่านมาตนทำเพจบุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร? (ECST) กลุ่มลาขาดจากควันยาสูบ เพื่อให้ความรู้ ให้ข้อมูลต่างๆ กับคนสูบบุหรี่ไฟฟ้า จนมีคนติดตามเพจเป็นแสนคน แต่ถูกโจมตีมาตลอดว่ารับเงินจากบริษัทบุหรี่นอก จากบริษัทโน้น จากบริษัทนี้ เวลามีการประชุมแถลงข่าวก็เอารูปตนไปขึ้นจอ บอกกับสื่อมวลชนว่าคนนี้รับผลประโยชน์จากบริษัทบุหรี่นอก จำนวน 2.4 พันล้านบาท ภายในสัญญา 10 ปี ตนก็งงว่าไปรับกันตอนไหน คือโจมตีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว ทางคณะกรรมาธิการฯ จึงขอหลักฐานความเชื่อมโยง และหลักฐานทางการเงินมีหรือไม่ ผ่านมา 3 ปี ไม่มีหลักฐานอะไรเลย เพราะทุกสิ่งอย่างจินตนาการกันไปเอง มโนกันไปเองทั้งนั้น
ล่าสุดเอาอีกแล้ว! มีกลุ่มคนทำหนังสือร้องถึงคณะกรรมาธิการฯ ผ่านทางประธานสภาฯ ว่ามีการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่หมาะสม มีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จากบริษัทบุหรี่นอก เข้ามาอยู่ในคณะกรรมมาธิการเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าอีกแล้ว
“บางครั้งผมก็มีคำถามกลับไปเหมือนกันว่า คนที่ตั้งหน้าตั้งตาแบนบุหรี่ไฟฟ้า คุณมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ด้วยหรือเปล่า? เพราะพยายามผลักดันให้ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าปีละหมื่นๆ ล้านบาท อยู่ใต้ดินต่อไป” นายมาริษ กล่าว.