เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวจากสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ได้โพสต์ลงกลุ่ม “Bangkokbusclub Cafe : รวมมิตรเรื่องรถเมล์” ซึ่งเป็นภาพของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง นั่งอยู่บนขอบทางเท้า พร้อมระบุข้อความว่า “คนเรามันเป็นขนาดนี้เลยเหรอค่ะ เมื่อตอนช่วงหกโมงเย็นวันนี้ มีรถเมล์ xxx ได้ทิ้งเด็กนักเรียนชาย ม.ต้น ที่กำลังเป็นลมสลบลงบนพื้นริมฟุตปาธถนน ตรงป้ายรถเมล์ข้าง สน.วัดพระยาไกร ซึ่งเราได้อยู่ในเหตุการณ์ตกใจมาก ว่าทำไมปล่อยน้องที่เป็นลมมานอนกับพื้นแบบนี้ เราจึงเข้าไปดูใกล้ๆ และได้ช่วยดึงขึ้นมาจากริมถนน ซึ่งอันตรายมากๆ
หลังจากนั้นน้องก็ได้สติและเราก็ได้หาน้ำและยาดมให้เบื้องต้น สักพักจึงได้ถามน้องว่าเป็นอะไร น้องแจ้งว่าไม่สบายเวียนหัวมาก แล้วก็ถามต่อว่าน้องมาจากไหนและกำลังจะไปไหน น้องก็แจ้งว่ามาจากยานาวาและกำลังกลับบ้านที่ประชาอุทิศ 27 และก็ถามต่อว่าให้โทรฯ หาพ่อกับแม่ให้มั้ย น้องบอกว่าแม่ผมเสียแล้ว ส่วนพ่อทำงาน สักพักก็ได้มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาน้องและได้อธิบายว่า อยู่บนรถเมล์คันเดียวกัน พี่เขาแจ้งว่า รถเมล์มา แออัดมากทำให้น้องเป็นลม และกระเป๋ารถเมล์ ได้หิ้วน้องลงมานอนกับพื้น ซึ่งคนบนรถเมล์ก็ตกใจกันอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้มีใครลงมาด้วย
ซึ่งพี่ผู้หญิงเขาได้ลงจากรถเมล์ป้ายข้างหน้าและเดินมาหาน้อง เพราะกลัวว่าป็นอะไรไป พอน้องดีขึ้นแล้วพี่เขาก็เลยอาสาไปส่งที่บ้าน!!! ประเด็นที่อยากทราบ ทำไมกระเป๋ารถเมล์ ทำไมทำแบบนี้คะ ถ้าน้องเขาเป็นอะไรไปจะรับผิดชอบได้มั้ย ถ้าเป็นลูกคุณจะทำแบบนี้มั้ย ป.ล.ไม่มีรูปทะเบียนรถเมล์ ถ่ายไม่ทัน //ไม่มีรูปตอนน้องนอนกับพื้นค่ะ ถ่ายไม่ทันเพราะตกใจ”
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นสาธารณะ ต่างก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย
ขณะที่เพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้เผยแชตผู้โดยสารที่อยู่คันเดียวกันเล่าว่า “อยู่บนรถเมล์ xxx คันนั้นค่ะ เหตุการณ์น่าจะอยู่หน้าประตู คนแน่นมากบนรถ ได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เห็นภาพ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเราอยู่ในสุด ได้ยินว่ามีคนเป็นลม เหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก ไม่เห็นว่าอุ้มลงไป แต่ได้ยินคนถามว่าเขาเป็นอะไร เป็นลมหรือเปล่า หลายคนตะโกน แล้วรถก็ออกไปเลย คนในรถก็บอกให้ลุงคนขับจอดไปดู แต่ลุงคนขับบอกว่า แล้วจะให้ทำไง มีคนจะขอลงไปช่วยหลายคนค่ะ แต่คนขับรถเมล์ไม่ยอมเปิดประตู พูดแต่ว่าคนแน่นจะให้ทำยังไง แต่มีพี่คนหนึ่ง น่าจะเป็นคนที่ไปลงอีกป้าย แล้ววิ่งกลับมาช่วย”..