เมื่อวันที่ 6 ก.ค. เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนสอบสวน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม รวมทั้งอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ขนส่งจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ กรณีปล่อยให้มีรถยนต์บริการหรือรถป้ายเขียวที่สนามบินภูเก็ตโขกสับราคาที่แพงเกินสมควร สืบเนื่องมาจากโลกออนไลน์มีการแชรโพสต์เฟซบุ๊กภาพการแสดงความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเข้ามาแจ้งราคาแท็กซี่สุดแพง บางรายเรียกเที่ยวเดียวราคาสูงถึง  1,000 บาท ซึ่งถูกสื่อมวลชนนำไปรายงานข่าวจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วประเทศหรือทั่วโลก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนความหมักหมมของปัญหาซึ่งเป็นที่น่าเบื่อระอาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับการเปิดประเทศของรัฐบาลในกิจกรรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แต่อย่างใด ทั้งที่ปัญหาดังกล่าวกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงกลับปล่อยให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติ เสมือนหนึ่งว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอิทธิพล หรือขาใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต จึงไม่กล้าแตะหรือแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งที่มีกฎหมายบังคับใช้อยู่แล้ว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ในจังหวัดภูเก็ตนั้นกระทรวงคมนาคม ได้ออกประกาศกําหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจากค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร สําหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คนที่จดทะเบียนในจังหวัดภูเก็ตไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2557 ซึ่งกำหนดอัตราค่าจ้างระยะทาง 2 กม.แรก 50 บาท กม.ที่ 2 ขึ้นไปถึง กม.ที่ 15 กม.ละ 12 บาท ระยะทาง กม.ที่ 15 ขึ้นไปกม.ละ 10 บาท และกระทรวงคมนาคมยังออกประกาศ เรื่อง กําหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่น สําหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบพิเศษ 2560 ออกมารองรับสำหรับรถยนต์ที่นำมาใช้บริการอาจจะเป็นรถยนต์หรูที่มีราคาแพง โดยกำหนดอัตราค่าจ้าง ระยะทาง 2 กม.แรก 150 บาท ระยะทางเกินกว่า 2 กม.ขึ้นไป กม.ละ 12-16 บาท และถ้าเป็นกรณีการจองล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ให้เรียกเก็บเพิ่มอีกไม่เกิน 100 บาท              

“แม้รถยนต์ที่มารับนักท่องเที่ยงเป็นรถยนต์บริการป้ายเขียว แต่ก็ต้องบังคับให้ปฏิบัติตามกฎหมาย คือ พ.ร.บ.รถยนต์ 2522 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง มิใช่ปล่อยให้ผู้ประกอบการดำเนินการกันโดยตามชอบเยี่ยงนี้ ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นความบกพร่องของ รมว.คมนาคมและผู้ใต้บังคับบัญชา และจังหวัดภูเก็ตโดยชัดแจ้ง สมาคมฯจึงต้องนำความมาร้อง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการไต่สวนสอบสวนชี้มูลความผิดตามกฎหมายต่อไป” นายศรีสุวรรณ กล่าว.