นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขานรับนโยบายรัฐบาล โดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวางแผนการเติมน้ำใต้ดินตลอดฤดูฝนนี้ให้มากที่สุด เพื่อเป็นน้ำต้นทุนในฤดูแล้งหน้า ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ขับเคลื่อนภารกิจการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้นมาตั้งแต่ปีงบประมาณ2563 – 2564 จำนวนทั้งสิ้น 1,528 แห่ง ได้แก่ พื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 500 แห่ง พื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดระยอง จำนวน 30 แห่ง ส่วนอีก 998 แห่ง ดำเนินการในพื้นที่ 64 จังหวัด 396 อำเภอจำนวน 998 ตำบล ผลที่เกิดขึ้นจากการเติมน้ำใต้ดินจะทำให้ระดับน้ำใต้ดินรอบๆ บ่อเติมน้ำค่อยๆ ยกตัวสูงขึ้นและเมื่อมีการก่อสร้างระบบเติมน้ำในพื้นที่กระจายตัว เพิ่มมากขึ้น ระดับน้ำใต้ดินจะยกตัวขึ้นเป็นบริเวณกว้างเกษตรกรจะสามารถสูบน้ำที่กักเก็บไว้ใต้ดินในช่วงฤดูฝน กลับขึ้นมาใช้ประโยชน์ในฤดูแล้งได้ในระยะยาว และในทางกลับกัน เมื่อปริมาณน้ำหลากท่วมในช่วงหน้าฝนถูกระบายลงไปเก็บไว้ในชั้นใต้ดินมากขึ้น ก็จะเป็นการตัดทอนปริมาณน้ำที่ไหลล้นและท่วมในพื้นที่ลงไปได้ จึงเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังได้อีกทางหนึ่ง

นายศักดิ์ดา กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2563/2564 ซึ่งเกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จำนวน 7 โครงการ รวมทั้งสิ้น2,194 แห่ง เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งน้ำบาดาลให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั่วประเทศ โดยโครงการเติมน้ำ   ใต้ดินระดับตื้นในพื้นที่ตำบลทั่วประเทศ จำนวน 696 ตำบล เป็น 1 ใน 7 โครงการดังกล่าว มีพื้นที่ดำเนินการ รวม 23 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน นครสวรรค์ อุทัยธานี เพชรบูรณ์ลพบุรี ขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ กำแพงเพชร ตาก พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย บึงกาฬ หนองคาย ยโสธรร้อยเอ็ด   ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ขณะนี้ดำเนินการไปแล้วจำนวน 250 แห่ง คงเหลืออีกจำนวน 446 แห่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในเดือนตุลาคม 2564 นี้ สำหรับปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลได้อนุมัติให้กรมทรัพยากร      น้ำบาดาลดำเนินโครงการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้นเพิ่มเติมอีกจำนวน 300 แห่ง ในจังหวัดกำแพงเพชร และพิจิตร   ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การเติมน้ำใต้ดินที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการทั้งหมดเป็นการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างหรือภาคกลางตอนบน เช่น จังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาทสุโขทัย พิษณุโลก และกำแพงเพชร จะใช้ประโยชน์จากน้ำใต้ดินระดับตื้นเพื่อทำนาปรัง สังเกตได้จากพื้นที่ใดที่น้ำในคลองส่งน้ำแห้งขอด แต่บริเวณรอบๆ คลองส่งน้ำยังมีพื้นที่ทำนาได้ผลผลิตดีเช่นเดิม แสดงว่าเกษตรกรไม่ได้ใช้น้ำผิวดินทำนาปรัง แต่เกิดจากการสูบน้ำใต้ดินระดับตื้นมาใช้ ดังนั้น การเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น จึงเป็นการแก้ไขปัญหาการลดระดับลงของชั้นน้ำใต้ดิน ช่วยฟื้นฟูระดับน้ำใต้ดินให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้พลังงานเพื่อการสูบน้ำน้อยลง จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และยืนยันว่า การเติมน้ำใต้ดินระดับตื้นจะไม่ส่งผลกระทบกับบ่อน้ำบาดาลที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการในปัจจุบัน เนื่องจากบ่อน้ำบาดาลจากทุกโครงการขุดเจาะในชั้นน้ำบาดาลระดับลึกตั้งแต่ 100-500 เมตร ซึ่งไม่ใช่ชั้นน้ำบาดาลในระดับเดียวกันกับการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น