เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก “ไชยบุรีบ้านเฮา” โพสต์ข้อความพบจระเข้โผล่เดินป้วนเปี้ยน บริเวณเชิงสะพานลอยข้ามไปโรงเรียนอุเทนพัฒนา หน้าที่ว่าการอำเภอท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม โดยชาวบ้านผ่านไปพบเห็นโดยบังเอิญ ทันทีที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ทำให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันหวาดระแวง เพราะเกรงว่าอาจจะพ่อและแม่จระเข้คงจะหลบซ่อนในบริเวณใกล้เคียง วอนเจ้าหน้าที่เร่งจับ หวั่นเป็นอันตรายต่อชาวบ้าน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ พบว่าจุดที่พบลูกจระเข้โผล่ใกล้ทางเข้าออกโรงเรียนอุเทนพัฒนา ซึ่งมีร่องระบายน้ำไหล่ทางตลอดแนว เพื่อสามารถระบายน้ำลงสู่ห้วยคลองทวย จากการสอบถาม นายราชันย์ ไชยมหา ชาวบ้านซึ่งพักอาศัยอยู่ใกล้จุดที่พบจระเข้ ให้ข้อมูลว่า จระเข้ที่พบตามที่สื่อโซเชียล นับว่าเป็นตัวที่ 2 แล้ว โดยตัวแรกถูกพบตัวแรกเมื่อช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา บริเวณบ้านพักของครูท่านหนึ่งท้ายของโรงเรียน ซึ่งมีขนาดความยาวไล่เลี่ยกันกับตัวที่ 2 นี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นลูกจระเข้คลอกเดียวกัน เกรงว่าเป็นจระเข้ที่หลุดจากฟาร์มเลี้ยง หรือเป็นลูกจระเข้จากพ่อแม่พันธุ์ที่หลบซ่อนอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติใกล้ๆนี้ หรือไม่ซึ่งหากเป็นกรณีหลังถือว่าเป็นอันตรายชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะจระเข้จะฟักไข่ครั้งหลายสิบฟอง
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้สืบเสาะหาฟาร์มจระเข้ใกล้เคียงเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าได้หลุดรอดออกมาหรือไม่อย่างไร กระทั่งได้ข้อมูลว่ามีการเลี้ยงจระเข้ในเขตพื้นที่ ต.รามราช อ.ท่าอุเทนจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อเดินทางไปถึงพื้นที่พบเป็นเพียงบ่อเลี้ยงจระเข้ร้างของ นายพีรพงษ์ จันทรเคน โดยเล่าว่า ตนเคยลงทุนเลี้ยงจระเข้ครั้งแรกเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยยื่นหนังสือขอต่อทางการจำนวน 60 ตัว และได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้อง นอกจากนี้สภาพของบ่อที่เลี้ยงจระเข้เป็นระบบปิด ยากต่อการเล็ดลอดออกไปของฟาร์มที่นี่อย่างแน่นอน
นายพีรพงษ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนแรกตนซื้อลูกจระเข้ที่เพิ่งฟัก ตั้งใจจะเลี้ยงไว้ขายเมื่อตอนโตได้ขนาด เพราะดูจากโฆษณาในโซเชียลว่าขายได้กำไรดี แต่เมื่อจระเข้ที่เลี้ยงมาตลอด 3 ปี มีขนาดและความยาวตามที่ตลาดต้องการ กลับถูกผู้รับซื้อกดราคาลงมา และจากสถานการณ์โควิด-19 จึงยอมขายหมดทั้งฟาร์มแบบขาดทุนเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา
“จากข่าวที่พบลูกจระเข้ในพื้นที่หน้าอำเภอท่าอุเทน จึงขอยืนยันว่าไม่ใช่จระเข้จากฟาร์มของตนอย่างแน่นอน อีกทั้งขนาดความยาวที่พบคาดว่ามีอายุเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น คาดว่าอาจเป็นลูกจระเข้ที่หลุดลอดจากผู้เลี้ยงที่ซื้อมาเพื่อความเพลิดเพลิน โดยขาดการรัดกุมหรือเลิกล้มความตั้งใจ สุดท้ายก็ปล่อยทิ้งตามแม่น้ำลำคลองตามธรรมชาติ สำหรับการเลี้ยงหรือครอบครองจระเข้ ถือว่าเป็นสัตว์ที่ต้องขออนุญาตตามกฎหมาย แต่การซื้อขายผ่านทางอินเตอร์เน็ตพบว่า มีขายกันอย่างโจ๋งครึ่ม โดยเฉพาะผู้ที่คิดจะเลี้ยงจระเข้เพื่อการค้าขอให้ทบทวนใหม่ดีๆ ไม่อยากให้ใครเลี้ยงขาดทุนเช่นเดียวกับตน” นายพีรพงษ์ กล่าว.
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก “ไชยบุรีบ้านเฮา”