เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีว่า ช่วยตรวจสอบ และหาทางช่วยเหลือ หลังมีผู้นำหญิงชรา มาปล่อยทิ้งให้ผจญชะตาชีวิต พร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้า 2 ใบ บริเวณวิหารแก้ว ภายในวัดเทพประสาทเตาถ่าน ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ได้พบหญิงชรารายดังกล่าว ทราบชื่อคือ น.ส.เอี่ยมเฮง อายุ 86 ปี เป็นชาว อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กำลังนั่งสนทนาอยู่กับผู้ถือศีล จึงได้สอบถามถึงสาเหตุของการมาใช้ชีวิตภายในวัด
น.ส.เอี่ยมเฮง ได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า สาเหตุที่ต้องมาขออาศัยชายคาวัดเป็นที่พักพิง เนื่องจากบุตรสาวในสายเลือด (สงวนชื่อ) อายุ 46 ปี ที่ซื้อบ้านพักอยู่ในเขตชุมชน ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ ได้พูดจาไม่ดีใส่ ด้วยคำพูดมึงกู อีกทั้งยังได้ขับไล่ออกจากบ้าน จึงได้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เดินเท้าออกจากบ้านพัก มาขออาศัยอยู่ที่ป้อมยามของหมู่บ้าน ตั้งแต่คืนวันที่ 15 ก.ค. 66 ก่อนจะมีพลเมืองดี ช่วยนำขึ้นรถมาส่งให้ใช้ชีวิตอยู่ภายในวัด ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้ถูกลูกสาวทำลักษณะเช่นนี้ ขับไล่ออกจากบ้านมาแล้วราว 40 ครั้ง ทำให้ต้องระหกระเหินออกจากบ้านไปหลายต่อหลายครั้ง และเคยถูกส่งตัวไปอยู่ที่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดชลบุรี 3 ครั้ง แต่ก็ห่วงและให้อภัยลูก จึงให้มารับกลับไปอยู่บ้าน แล้วก็จะถูกไล่เหมือนเช่นเคย ครั้งนี้สุดจะทนไหว ไม่อาจทำใจยอมรับได้ ขอไปอยู่ในความดูแลของภาครัฐ โดยไม่คิดหวนกลับมาอีก
อย่างไรก็ตาม หลังทราบเรื่องราวทั้งหมด ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือไปยัง ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 พร้อมแจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้ทางหน่วยงานทราบ ก่อนจะมีการตอบรับที่จะรับหญิงชรารายนี้ ไปอยู่ในความดูแลของภาครัฐ ผู้สื่อข่าวจึงได้อาสาขับรถนำตัว น.ส.เอี่ยมเฮง เดินทางไปส่งมอบให้กับ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดชลบุรี ก่อนหน่วยงานจะส่งมอบต่อ ให้ไปอยู่ในความดูแลของ “มูลนิธิสงเคราะห์คนชราบ้านบางละมุง” ถือเป็นการได้เริ่มต้นชีวิตในบ้านหลังใหม่ นับจากนี้และตลอดไป