สถานการณ์มหาวิกฤติโควิด-19 ในระลอกนี้ ค่อนข้างยาวนานและยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะยุติเมื่อไรถ้าไล่เรียงย้อนหลังกลับไปจากปลายเดือน เม.ย.64 โควิดระลอก 3 จาก คลัสเตอร์สถานบันเทิงทองหล่อ โดยเล่นงานจากเจ้าโควิด สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ซึ่งก็ไม่ได้มีมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้น กระทั่ง พ.ค.-มิ.ย. ยังมาเจอเชื้อสายพันธุ์ เดลตา(อินเดีย) ระบาดจากแคมป์คนงานใจกลางกรุงเทพมหานคร ก่อนระบาดไปทั่วประเทศ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่-ผู้เสียชีวิต ไต่ระดับสูงทุกวันทำให้(12 ก.ค. 64)ศบค. ตัดสินใจยกระดับประกาศ มาตรการล็อกดาวน์ 10 จังหวัด แต่ ยอดติดเชื้อรายวันยังทะยานเกิน 1 หมื่น เสียชีวิตเกิน 100 มาตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.
จนมาถึงสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ ศบค.จะได้ขยายล็อกดาวน์ เป็น 29 จังหวัดไปถึง 31 ส.ค. ซึ่งผู้ติดเชื้อสะสมทะลุเกิน 1 ล้านคนไปแล้ว และผู้เสียชีวิตใกล้หลักหมื่นคน !! ท่ามกลางคำถามคาใจของประชาชนว่า เกิดอะไรขึ้นประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ?
คุมเข้ม “48 เมือง 18 มณฑล” สู้โควิด
ทีมข่าว 1/4 Special Report มีโอกาสคุยกับผู้สื่อข่าวชาวจีนที่เคยประจำอยู่ในประเทศไทย และย้ายกลับไปอยู่ที่จีนแล้ว เพื่อสอบถามแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะสถานการณ์ช่วงต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก็พบโควิดสายพันธุ์เดลตาเล็ด ลอดเข้าไปได้เช่นกัน แต่จีนสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างรวดเร็ว นายลู่ หยงเจียง เจ้าหน้าที่ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชีย-แอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน (CMG) ให้มุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา จีนได้ยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมทั่วประเทศอย่างเข้มข้น เข้าสู่ภาวะ “สงครามต่อสู้โควิด” ไม่แพ้ครั้งเมืองอู่ฮั่น ที่เกิดการระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรงเมื่อต้นปี 2563 จนทำให้สถานการณ์กำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
กลไกร่วมป้องกันควบคุมโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีนได้แถลงข่าว ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า จนถึงเวลา 24.00 น. (วันที่ 12 ส.ค.) การระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา ระลอกล่าสุดในจีน ได้ครอบคลุมพื้นที่ 48 เมือง ใน 18 มณฑล มีจำนวนผู้ป่วยโควิดรวม 1,282 ราย ใน 48 เมือง ทั้งนี้ 36 เมืองตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มติดต่อกันเป็นเวลากว่า 5 วันแล้ว นอกจากเมืองหยางโจว อู่ฮั่น และจางเจียเจี้ย แล้ว เมืองอื่น ๆยังมีรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อเพียงประปรายเท่านั้น ภาพรวมสามารถควบคุมความเสี่ยงไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดทั่วประเทศได้
สำหรับต้นตอการระบาดของโควิดเดลตา ในจีนครั้งนี้ จากการตรวจสอบทำให้ทราบว่า มาจาก เที่ยวบิน CA910 จาก รัสเซีย บินมายัง เมืองหนานจิง (นานกิง) เมืองเอกของ มณฑลเจียงซู (ภาคตะวันออกของจีน) เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีพนักงานทำความสะอาด ที่ สนามบินนานาชาติลู่โข่ว เมืองหนานจิง ติดเชื้อโควิดขณะปฏิบัติหน้าที่ทำความสะอาดห้องโดยสารของเครื่องบินลำนี้ จากนั้นจึงได้ระบาดในกลุ่มเพื่อนพนักงานทำความสะอาดด้วยกันก่อนแพร่ระบาดในวงกว้างออกไป
ต้นตอ “คลัสเตอร์” สนามบินลู่โข่ว
ส่วนสาเหตุสำคัญที่การระบาดครั้งนี้ลุกลามไปยังมณฑลอื่น ๆ อย่างรวดเร็วนั้น ประการแรก หลังจากกลุ่มแรกพนักงาน 9 คน ซึ่งได้ถูกตรวจพบติดเชื้อโควิด(หลังเกิดเหตุ10วัน) จากการตรวจกรดนิวคลีอิก ที่ทำเป็นประจำในวันที่ 20 ก.ค. เมื่อพบ กลุ่มแรกพนักงาน 9 คน จึงสั่งยกระดับมาตรการควบคุมเข้มข้น สนามบินนานาชาติลู่โข่ว ซึ่งได้กลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ แพร่เชื้อไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั้งในและนอกมณฑลเจียงซู ประการสอง การแพร่ระบาดสายพันธุ์เดลตาซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้รุนแรงรวดเร็ว เพราะลักษณะของผู้ป่วยมีอาการเริ่มแรกนั้นไม่ชัดเจน โดยเวลาเฉลี่ยในการเปลี่ยนไปสู่ระยะรุนแรง คือ 5 วัน และ ประการที่สาม การแพร่ระบาดเกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน มีผู้คนจำนวนมากออกเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อน เช่น เมืองจางเจียเจี้ย แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง หมู่นักท่องเที่ยวรับเชื้อต้นตอมาจากเมืองหนานจิง
นายลู่ หยงเจียง เปิดเผยต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.จีนได้ยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมสถานการณ์โควิดอย่างเข้มข้น ครอบคลุมและต่อเนื่อง รัฐบาลส่วนกลาง ได้จัดส่งทีมงานลงพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 20 ทีมงานเพื่อกวดขันและแนะแนวการรับมือสถานการณ์ครั้งนี้ กำชับพิเศษคือต้อง “รวดเร็ว” และ “เฉียบขาด” เพื่อตัดห่วงโซ่การระบาดของไวรัสให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ โดยมีมาตรการอันโดดเด่น เข้มข้น และสำคัญที่สุดที่เมืองต่าง ๆ ของจีนได้ดำเนินการอีกเรื่องคือ 1.การล็อกดาวน์ ซึ่งจะแบ่งเป็น การล็อกดาวน์ตั้งแต่ ระดับชุมชน ถึง ระดับเมือง เช่น เมืองหนานจิง และหยางโจว เป็นต้น ตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ 2.การปูพรมตรวจคัดกรอง ผู้ติดเชื้อด้วยการตรวจกรดนิวคลีอิก
ทางการจีนได้ออกหนังสือเวียน ระบุว่า หากเมืองใดตัดสินใจว่าจำเป็นต้องทำการ “ตรวจกรดนิวคลีอิก” แก่ชาวเมืองทุกคน การตรวจที่ครอบคลุมทุกคนหนึ่งรอบต้องทำให้เสร็จภายในเวลา 2 วัน สำหรับเมืองที่มีประชากรต่ำกว่า 5 ล้านคน และต้องตรวจให้แล้วเสร็จภายในเวลา 3 วันสำหรับเมืองที่มีประชากรมากกว่า 5 ล้านคน
ทั้งนี้ก็ไม่ได้เกินกำลังความสามารถของเมืองต่าง ๆ ในจีน เช่น เมืองหนานจิง อู่ฮั่น และเจิ้งโจว ซึ่งทั้ง 3 เมืองใหญ่ล้วนมีประชากรใกล้เคียงหรือมากกว่า 10 ล้านคน ในช่วงเวลาไม่นานที่ผ่านมาต่างก็ระดมตรวจกรดนิวคลีอิก แก่ประชากรทุกคนในเมืองมาแล้วหลายรอบโดยแต่ละรอบใช้เวลาไม่เกิน 3 วัน ส่วนเมืองหยางโจว มณฑลเจียงซู ซึ่งเป็นเมืองที่ขณะนี้ยังมีสถานการณ์การระบาดของโควิดรุนแรงกว่าเมืองอื่นนั้นกำลังทำการตรวจกรดนิวคลีอิกแก่ประชาชนทุกคนที่เข้าข่ายความเสี่ยงเป็นรอบที่ 7 แล้ว
สร้างหลักประกัน “อาหาร–ยา”
อย่างไรก็ดีมีสิ่งที่ควบคู่ไปกับมาตรการล็อกดาวน์ จีนได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการใช้มาตรการสร้างหลักประกันด้านอาหาร
การกิน ยารักษาโรค และอื่น ๆ แก่ชาวชุมชนที่ถูกล็อกดาวน์ เช่น ประกันให้ชาวชุมชนสามารถสั่งซื้อของกินของใช้ในชีวิตประจำวันได้ผ่านระบบออนไลน์ในราคาปกติ โดยตั้งกลไกรับส่งของกินของใช้ที่ปลอดเชื้อและปลอดภัย หากจำเป็นจะมีทีมงานคอยรับฝากซื้อและส่งถึงบ้านได้ด้วย ทั้งนี้ทางการท้องถิ่นได้ประสานกับหน่วยงานฝ่ายต่าง ๆ เช่น หน่วยงานด้านพาณิชย์ คมนาคม และตำรวจ เป็นต้น เพื่อประกันให้มีสินค้าส่งถึงเขตชุมชนที่ถูกล็อกดาวน์อย่างเพียงพอและปลอดภัย หากชาวชุมชนต้องการซื้อยารักษาโรค นอกจากสั่งซื้อเองผ่านระบบออนไลน์แล้วก็ยังสามารถฝากทีมงานอาสาสมัครซื้อให้และส่งถึงบ้านได้เช่นกัน
การล็อกดาวน์ในระยะสั้นจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับชาวจีน ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่าย ทุกครัวเรือนสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ถูกล็อกดาวน์ ขอเพียงซื้อของได้และสินค้าไม่ขึ้นราคา ซึ่งทางการท้องถิ่นต่าง ๆ ของจีนทำหน้าที่นี้ได้ค่อนข้างดีมาโดยตลอด ระหว่างนี้นอกจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังมีสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนระดับพื้นฐานและอาสาสมัครจำนวนมาก ได้แสดงบทบาทโดดเด่นด้วยการทุ่มเททำงานอย่างเสียสละไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย
ด้วยมาตรการล็อกดาวน์และเร่งตรวจกรดนิวคลีอิกอย่างเฉียบขาด ตลอดจนมาตรการอื่น ๆ ควบคู่ตามมาด้วยอย่างเข้มข้น จนทำให้สถานการณ์การระบาดในจีนของโควิด-19 ครั้งนี้ กำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เมืองหนานจิง และเฉิงตู ได้ทยอยประกาศปรับลดการเฝ้าระวังโควิดในหลายพื้นที่เป็นระดับต่ำแล้ว ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.64 ทางการจีนได้ฉีดวัคซีนเชื้อตาย คือ “ซิโนฟาร์ม” และ “ซิโนแวค” ให้แก่ประชาชนไปแล้ว 1,900 ล้านโด๊ส.