เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก นายธนายุ หิรัญรัตน์ อายุ 20 ปี ชาวกรุงเทพฯ นายธีรเมธ ชัยบุตร อายุ 18 ปี ชาว จ.เลย และ นายทองทศ มะเงื่อ อายุ 27 ปี ชาวกรุงเทพฯ คดีพกระเบิด กระสุนปืนลูกซอง ก่อเหตุปะทะกับตำรวจเมื่อวันที่ 21 ส.ค. โดยเป็นการฝากขังทางไกลผ่านจอภาพ เนื่องจากจะต้องสอบพยานจำนวน 5 ปาก, รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสามจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรด้วย จึงขออนุญาตศาลฝากขังผู้ต้องหามีกำหนด 12 วัน นับแต่วันที่ 23 ส.ค.-3 ก.ย.2564 เบื้องต้นผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การปฏิเสธ
ระบุพฤติการณ์ว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ส.ค.64 เวลาประมาณ 17.00-20.00 น. มีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหลายคนรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณถนนอโศกดินแดงต่อเนื่องถึง ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงดินแดง เขตดินแดง ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. เป็นต้นมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาประทัด ระเบิดและใช้ลูกแก้วยิงด้วยหนังสติ๊กเข้าใส่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่มาดูแลสถานการณ์และขว้างปารวมทั้งยิงเข้าใส่ที่บริเวณสถานที่ราชการ จนเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจควบคุมฝูงชนได้รับบาดเจ็บและมีทรัพย์สินของทางราชการได้รับ
ความเสียหายอันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ทั้งนี้ ระหว่างเกิดเหตุการณ์ ตำรวจได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมมั่วสุมเลิกการชุมนุมมั่วสุม แต่กลับไม่ยกเลิก ตำรวจควบคุมฝูงชนจึงได้เข้าควบคุมสถานการณ์และรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่บริเวณ ด่านเก็บค่าผ่านทาง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. แต่ปรากฏว่าในระหว่างที่เจ้าพนักงานเข้าปฏิบัติการเพื่อควบคุมพื้นที่รักษาความสงบและจับกุมผู้กระทำความผิดนั้น กลุ่มผู้ชมนุมบางส่วนได้ใช้กำลังต่อสู้โดยขว้างปา ยิงลูกแก้ว ของแข็ง ประทัด และระเบิดชนิดต่างๆ เข้าใส่ตำรวจควบคุมฝูงชนจนเป็นเหตุให้บาดเจ็บเพิ่มหลายนาย
พบนายธนายุ, นายธีรเมธ และนายทองทศ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ซึ่งเป็นผู้ร่วมชุมนุมมั่วสุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย โดยนายธนายุ และ นายทองทศ ถูกจับกุมขณะขี่รถจักรยานยนต์เพื่อหลบหนี จากการตรวจค้นพบ ลูกระเบิดชนิดพันเทปสีดำ จำนวน 6 ลูก, ระเบิดปิงปองหลากสี จำนวน 50 ลูก, เครื่องกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 2 นัด,ขวดเครื่องดื่มบรรจุน้ำมันก๊าด จำนวน 4 ขวด, หนังสติ๊ก จำนวน 2 อัน ,ลูกแก้ว จำนวน 140 ลูก, กระป๋องสเปรย์ จำนวน 1กระป๋อง, แว่นกันน้ำ จำนวน 1 อัน, เสื้อเกราะ จำนวน 1 ชุด, หน้ากากจำนวน 1 อัน
โดยของกลางดังกล่าว ค้นได้จากกระเป๋าเป้สีน้ำเงินที่นายธีรเมธ ผู้ต้องหาที่ 2 สะพายอยู่ และของกลางบางส่วน ได้จากการค้นตัวของนายทองทศ ผู้ต้องหาที่ 3 นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดของกลางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวม 4 รายการ คือ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ YAMAHA รุ่น r15 สีดำ ทะเบียน ขณ 6173 กทม., รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA รุ่นเวฟ สีดำ-น้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน, โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน สีดำ จำนวน 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO จำนวน 1 เครื่อง โดยนายธนายุ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายทองทศ ผู้ต้องหาที่ 3 ให้การว่าได้ใช้โทรศัพท์มือถือดังกล่าวถ่ายภาพการชุมนุมและติดต่อกับผู้ชุมนุมรายอื่นๆ เพื่อนัดหมายมาชุมนุมกัน ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
จึงจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1, และผู้ต้องหาที่ 3 ว่ากระทำความผิดฐาน ” ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไปแต่ผู้นั้นไม่เลิก, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยได้กระทำโดยมีและใช้อาวุธและร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาที่ 2 ว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คนในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่สุมเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไปแต่ผู้นั้นไม่เลิก, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยมีและใช้อาวุธ และร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่, มีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองและมีวัตถุระเปิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน แล้วจึงควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เหตุเกิดที่ บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่า ขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพฤติการณ์ผู้ต้องหากระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง นอกจากนี้กรณีการมาร่วมกิจกรรมการชุมนุมทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมอาจทำให้เกิดการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในวงกว้าง ทำให้เกิดความเสียหายหลายอย่างและการชุมนุมทางการเมืองดังกล่าว ยังมีการทำร้ายร่างกายตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจนได้รับบาดเจ็บ หากผู้ต้องหาทั้งสามได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าอาจจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก
ศาลพิจารณาแล้วให้ฝากขังได้ ต่อมา นายธนายุ จำเลยที่1 และ นายทองทศ จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ต้องหาที่ 1 และ 3 ให้การปฏิเสธในชั้นนี้ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1 และ 3 ตีราคา ประกันคนละ 35,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามไปกระทำการใดในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอีก หรือร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง