ตามที่มีการรายงานข่าว มติสโมสรไทยลีก 1-2 โหวตล้มแผน ที่จะปรับโปรแกรมเร่งปิดฤดูกาล 2022-23 เคลียร์ทางให้เตรียมทีมชาติลุยซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา

สำหรับปฏิทินแข่งขันที่จะยึดแบบเดิม ฟุตบอลไทยลีก 1 จะปิดฤดูกาล วันที่ 14 พ.ค.66 ส่วนไทยลีก 2 ปิดฤดูกาลปกติ วันที่ 30 เม.ย.66 และจบรอบเพลย์ออฟชิงเลื่อนชั้น วันที่ 27 พ.ค. ส่วนวันที่ 28 พ.ค. เป็นรอบชิงเอฟเอ คัพ

ด้านฟุตบอลซีเกมส์ คาดว่าเริ่ม 28 เม.ย. และเตะจนถึง 15 หรือ 16 พ.ค. ดังนั้น ถือว่าคิวเตะทับซ้อนกันเต็มๆ ทีมชาติไทย จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะมีนักเตะที่เป็นตัวหลักสโมสร

ต่อมา “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวขอบคุณสโมสรที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ สมาคมฯ เคารพผลการตัดสินใจ จะดำเนินการแจ้งไทยลีกให้ส่งยืนยันปฏิทิน​เลก 2 ให้กับสโมสรสมาชิก ขณะเดียวกัน ได้แจ้งให้ฝ่ายทีมชาติ เตรียมทีมในช่วงฟีฟ่าเดย์เดือน มี.ค.66 (แผนที่จะแก้นั้นจะไม่ใช้ช่วงนี้) และ มิ.ย.66 ให้กับทั้งชุด 23 ปี และชุดใหญ่ตามแผนเดิมทันที

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวด้วยว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน มีสโมสรเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักที่สำคัญ สร้างและพัฒนาผู้เล่นอย่างต่อเนื่อง​ ดังนั้น จากนี้ต่อไป การที่จะบริหารจัดการทีมชาติเพื่อให้ประสบความสำเร็จนั้น ลำพังเพียงแค่​สมาคมฯ คงจะยากและมีขีดจำกัด หากไร้การสนับสนุนจากทุกภาคส่วน​ โดยเฉพาะสโมสรสมาชิก​ ภาครัฐ​ และเอกชน​

“สมาคมฯ​ ขอเปิดโอกาส​ และเรียนเชิญ สโมสรสมาชิก รวมไปถึงองค์กรอื่นๆ ​ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาทีมชาติไทย มีแบบแผน​ มีแนวทางการพัฒนาเยาวชนทั้งชายและหญิง เข้ามานำเสนอแผนงานกับสมาคมฯ ครั้งนี้เราจะนั่งคุยกันอย่างจริงจัง เปิดกว้าง ช่วยกันคิดให้นอกกรอบ เพราะเรายังต้องการค้นหา และพัฒนาผู้เล่นเยาวชนอีกมาก สมาคมดำเนินการเองผู้เดียว ก็คงจะไม่ทั่วถึง ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ แต่หากทุกภาคส่วนช่วยกัน เพิ่มโอกาสให้เด็กได้เข้าทดสอบความสามารถ เพิ่มสถานที่ฝึกซ้อม เพิ่มบุคลากรที่จะมาช่วยกันคัดนักฟุตบอล”

“เพราะฟุตบอลไทย​ เป็นของคนไทยทุกคน​ สมาคมฯ​ พร้อมรับฟังทุกคำเสนอแนะ​ และจะพิจารณาสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด​ เพื่อให้ฟุตบอลทีมชาติไทยได้รับสิ่งที่ดีที่สุดต่อไป” บิ๊กอ๊อด กล่าว.