วันที่ 15 ส.ค. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ตามไปจับกุม นายปรีชา แก้วประสงค์ อายุ 50 ปี ที่บ้านพักเลขที่ 40 หมู่ 7 บ้านส้มป่อย ต.เมืองยาง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ มาสอบสวน หลังก่อเหตุเข้าไปขโมยพระพุทธรูปไม้เก่าแก่อายุร่วม 200 ปี ภายในกุฏิวัดใหม่เรไรทอง ต.ถนนหัก อ.นางรอง ไปเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจได้แกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดจนนำไปสู่การจับกุม
จากนั้น ตำรวจได้พานายปรีชา ไปดูของกลางที่อ้างว่าเอาพระพุทธรูปไม้ไปไว้ที่วัดโคกปราสาท ต.หนองปล่อง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ปรากฏว่า พบพระพุทธรูปไม้ดังกล่าวจริงโดยเจ้าอาวาสวัดโคกปราสาท บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า นายปรีชา เข้าวัดนี้ประจำส่วนพระพุทธรูปที่นายปรีชา เอามาฝากไม่ทราบว่าเอามาจากไหนประกอบกับเป็นพระพุทธรูปไม้ทั่วไป จึงเอาไปตั้งรวมกับพระประทานภายในวัด
จากการสอบสวน นายปรีชา ให้การรับสารภาพแบบเพี้ยน ๆ ว่า เป็นคนเข้าไปเอาพระพุทธรูปไม้จริง เพราะว่าพระพุทธรูป 2 องค์นี้เป็นสมบัติของบรรพบุรุษหลวงตาซึ่งเป็นพ่อของพ่ออีกที เป็นคนแกะสลักขึ้นมา สามารถพิสูจน์ได้ไม้ที่นำมาแกะเป็นไม้มะเรือง เป็นไม้หายาก เศษไม้ยังอยู่ ต้องการเอาพระพุทธรูปซึ่งเป็นของบรรพบุรุษมาไว้ใกล้บ้านของตัวเองยืนยันไม่ได้ขโมย เพราะไม่ปิดบังอำพราง และเข้าไปเอาตอนกลางวัน ถ้าเป็นขโมยจะต้องเข้าไปตอนกลางคืน
นายปรีชา ยังรับสารภาพด้วยว่า เคยพยายามเข้าไปเอาหลายครั้งแล้วแต่โดนสุนัขในวัดกัด ต่อมาเอาอาหารไปให้จึงคุ้นเคยกัน โดยเข้าไปขโมย 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ได้ไป 1 องค์ และวันที่ 13 อีก 1 องค์ ขณะที่ชุดสืบสวนค้นประวัติของนายปรีชาพบว่าเคยต้องคดีลักทรัพย์มาก่อน เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อเดือนมีนาคม 2563 แล้วมาก่อเหตุในครั้งนี้อีกจึงส่งตัวให้ ร.ต.อ.สำรวย อบกลาง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.นางรอง อ.นางรอง พร้อมแจ้งข้อหา ”ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ และลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ”
สำหรับพระพุทธรูปไม้ที่ตามคืนมาได้เป็นพระพุทธรูปไม้เก่าแก่ ชาวบ้านพบอยู่ใต้พระประทานในโบสถ์อายุกว่า 100 ปี จำนวน 11 องค์ แล้วเอามาตั้งไว้ภายในวัด ต่อมาเมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา พระพุทธรูปทั้งหมดได้หายไป แล้วได้คืนมาจากกลุ่มโจรกรรมพระข้ามประเทศที่ สน.พระประแดง กรุงเทพฯ และมาหายครั้งสองเมื่อ 13 ส.ค. กระทั่งมีการจับกุมได้อีกครั้ง