นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตนได้สั่งการให้ทุกเรือนจำทั่วประเทศดำเนินการเพาะชำต้นกล้าและเร่งปลูกฟ้าทะลายโจรในพื้นที่ว่างของแต่ละเรือนจำ เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตมาทำเป็นยารักษาโรคโควิด-19 ซึ่งในอีกไม่นานจะได้ผลผลิตจำนวนมาก แต่ในช่วงนี้อาจจะยังมีไม่มากพอซึ่งเราก็ได้ใช้การผลิตด้วยมือในการนำแม่พิมพ์มาอัดใส่แคปซูล ภายในเดือนนี้กรมราชทัณฑ์จะผลิตได้ประมาณ 4 ล้านเม็ด แต่หากวันข้างหน้าเมื่อมีฟ้าทะลายโจรมากพอ การผลิตด้วยมืออาจจะทำไม่ทัน รวมถึงการขาดแคลนแคปซูลที่จะนำมาบรรจุผง ซึ่งในขณะนี้มีไม่เพียงพอต่อความต้องการและราคายังพุ่งสูงขึ้นมากอีกด้วย
“จึงคิดแผนสำรอง ให้ ป.ป.ส. ซ่อมเครื่องปั๊มยาบ้าที่ยึดมาได้จากกลุ่มพ่อค้ายา โดยได้เห็นเครื่องดังกล่าวอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ของ ป.ป.ส. จึงว่าน่าจะมีประโยชน์ นำมาประยุกต์เปลี่ยนหัวให้ได้ 500 มิลลิกรัม ซึ่งเครื่องดังกล่าว เป็นเครื่องโรตารี ชนิด 19 หัวตอก 1 ชั่วโมง จะสามารถผลิตได้ 20,000 เม็ดโดยประมาณ มีอยู่ 1 เครื่อง โดยในวันที่ 16 ส.ค. จะซ่อมเสร็จและจะทดลองเดินเครื่องโดยใช้ตัวตอกเดิมก่อน จากนั้นหัวตอกใหม่ ที่เป็นตรา ยธ. จะมาในวันที่ 20 ส.ค.” รมว.ยุติธรรม กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เราต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการรับมือกับปัญหาต่างๆ ขณะนี้ทุกคนยอมรับว่ายาฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาโควิด-19 ได้ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งผงฟ้าทะลายโจรราคาอาจจะสูงถึง กิโลกรัมละ 1,000 บาท แต่ทางหลายหน่วยงานรวมทั้งกระทรวงยุติธรรมก็ได้มีการเพาะและปลูกจำนวนมาก ซึ่งในอีกไม่นานก็จะโตเต็มที่พร้อมใช้งานนำมาบดเป็นผงยาได้ และเมื่อมีผลผลิตเป็นวัตถุดิบจำนวนมาก แคปซูลที่จะนำมาบรรจุผงอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการหายากและราคาแพงกว่าเดิมหลายเท่า ผมจึงให้ ป.ป.ส. ซ่อมเครื่องปั๊มยาบ้าที่ตั้งโชว์ที่พิพิธภัณฑ์ เปลี่ยนหัวตอกใหม่ใช้ตรา ยธ. ให้รู้ที่มาว่าเราผลิต เพื่อป้องกันการปลอมปนออกมา ซึ่งวันหนึ่งจะผลิตได้หลายแสนเม็ด จะทำให้เพียงพอต่อการใช้ในเรือนจำและอาจจะสามารถแจกจ่ายให้ประชาชนได้ รวมทั้งอาจจะสามารถช่วยชาวบ้านผลิตไว้ใช้ได้อีกด้วย.