เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พานายชยศ และนางจันนา วงประเสริฐ มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด เพื่อติดตามคดีที่ครอบครัวผู้เสียหายถูกลูกของนักการเมืองท้องถิ่น จ.ร้อยเอ็ด ยิงปืนใส่ เหตุข้อพิพาทเรื่องที่ดิน หลังตำรวจอ้างว่า ส่งสำนวนให้อัยการนานกว่า 1 ปี แต่คดีไม่คืบหน้า จนผู้เสียหายต้องหลบหนีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยมีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับเรื่อง
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ได้รับการขอความช่วยเหลือจากครอบครัวผู้เสียหาย หลังถูกลูกนักการเมืองท้องถิ่นที่ จ.ร้อยเอ็ด ยิงปืนใส่จนบาดเจ็บมานาน 1 ปี แต่คดียังไม่ถูกส่งฟ้อง จึงมาสอบถามกับโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด หลังจากนี้จะไปยื่นเรื่องรับสิทธิเหยื่อในคดีอาญาที่กระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีนักการเมืองบางราย แสดงท่าทีเดือดร้อน และไลฟ์สดพูดถึงชื่อตน หลังเข้ามาให้ความช่วยเหลือกับผู้เสียหาย กล่าวหาว่า ตนฟังความข้างเดียว ขอให้ไปแก้ต่างที่ศาลดีกว่า
นายชยศ กล่าวว่า คดีเกิดเมื่อปี 2563 หลังมีข้อพิพาทเรื่องที่นาของแม่ยายตนเอง ขนาด 6 ไร่ 18 ตารางวา ซึ่งอดีตนายกเทศมนตรีรายนี้ มีที่ดินอยู่ติดกัน ได้บุกรุกมาขุดเป็นสระ ราว 3 ไร่ พอไปห้ามและขอให้พูดคุยกันก่อน แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ซ้ำยังสั่งใช้รถขุดต่อไป จึงไปแจ้งความกับ สภ.เมืองร้อยเอ็ด จากนั้นตำรวจก็เสียเงินถมที่ดินให้ กระทั่งพี่ชายตนถูกยิงโดยลูกชายของนักการเมืองรายนี้ ขณะไปถามเขาว่า น้ำในนาหายไปไหน ผู้ก่อเหตุก็บอกว่า “ที่นาใคร นี่ของพ่อกู” แล้วยิงปืนใส่ทันที ตนก็ติดตามคดีมาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับการเยียวยา หรือฝ่ายผู้ก่อเหตุติดต่อเข้ามา ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ตนไปดำเนินการเรื่องเอกสาร ให้ทำรังวัดออกโฉนดให้
นางจันนา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ต้องการให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ เพราะตนเสียทุกอย่าง เงินทองไม่มี ต้องเป็นหนี้ ตนทรมาน ทำงานก็หวาดระแวง อยากให้ผู้ก่อเหตุรับผิดชอบก็สิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งตนไปติดต่อกรมที่ดินแล้ว ก็ยืนยันว่าฝ่ายผู้ก่อเหตุไม่ได้ซื้อหรือครอบครองที่ดินผืนนี้ของตนเลย
นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า อัยการจังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งว่า ได้รับสำนวนคดีไว้เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ก่อนผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรมไว้ ซึ่งล่าสุดเจ้าของสำนวนได้เสนอความเห็นเรียบร้อย แต่ต้องรอให้อัยการจังหวัดพิจารณาสำนวน โดยในวันที่ 31 ต.ค. นี้ จะเรียกผู้ต้องหามารับฟังว่า จะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ล่าช้า และจะให้ความเป็นธรรมตามสำนวนที่ปรากฏแน่นอน.