บรรยากาศของเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือน ลิเวอร์พูล 2-1 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ชวนให้หวนรำลึกถึงบรรยากาศเดิม ๆ ของศึก “แดงเดือด” ขึ้นมาได้เยอะเลยนะครับ
ด้วยความที่ว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ลูกทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ มักจะเป็นฝ่ายไล่อัด “ผีแดง” แบบไม่ระคายหน้าแข้งเสียเป็นส่วนใหญ่ ความเข้มข้นมันจึงลดระดับลงไปพอสมควร
แต่กับศึก “แดงเดือด” เที่ยวนี้ ต่างฝ่ายต่างอยู่ในช่วงเวลาที่ “ไม่ค่อยดีนัก” หลังออกสตาร์เกมลีกได้ย่ำแย่ทั้งคู่ ชัยชนะของเกมนี้จึงยิ่งสำคัญกับโมเมนตัมในช่วงต่อจากนี้ไปของทั้ง 2 ทีมเป็นอย่างยิ่ง
แล้วก็เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เอริค เทน ฮาก ที่ช่วงชิงเอาโมเมนตัมที่ว่านั้นไปได้สำเร็จ…!!!
ก่อนเกมนี้ ปัญหาหลักของ “หงส์แดง” ในช่วงต้นซีซั่น เป็นเรื่องของอาการบาดเจ็บที่รุมเร้าเหลือเกิน โดยเฉพาะในแผงมิดฟิลด์
ทว่าใน 2 เกมแรกที่ “หงส์แดง” ได้แค่เสมอทั้ง 2 เกมนั้น อันที่จริงพวกเขาก็มีโอกาสาชนะทั้ง 2 เกม เพียงแต่ว่ามันมักจะมีเหตุการณ์โน่นนิดนี่หน่อยทำให้ 3 คะแนนหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย
เทียบกับฝั่ง “ผีแดง” ของกุนซือดัตช์ อยู่ในสถานะ “หลังชนฝา” อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ จากผลงานที่ย่ำแย่เหลือเชื่อใน2 เกมแรก แถมนอกสนาม แฟนบอลก็ยังฮึ่ม ๆ ไล่เจ้าของทีมไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะก่อนเกมนี้ที่รวมตัวกันกลุ่มใหญ่ จนหลายคนกลัวว่าจะไม่ได้เตะซ้ำรอย 2 ซีซั่นก่อนด้วยซ้ำ
แต่จากที่เห็นในเกมนี้ ความกดดันทั้งหมดทั้งมวลที่ เทน ฮาก และลูกทีมมี กลายเป็นหัวเชื้อจุดระเบิดที่ทำให้พวกเขา“รวมใจกันสู้” ได้อย่างยอดเยี่ยม
จากเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ที่นักเตะ “ผีแดง” ทั้งทีมวิ่งรวมกันไม่ถึงร้อยโล แถมสถิติเพรสซิงและวิ่งสปรินท์ก็เป็นรอง“เดอะ บีส์” แบบไม่เห็นฝุ่น มาถึงเกมนี้ “ไม้แข็ง”ของ เทน ฮาก ที่จับลูกทีมซ้อมในวันหยุดเป็นการลงโทษเหมือนจะเห็นผล
ในเกมเมื่อคืนวันจันทร์ นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งทีมวิ่งรวมกับ 113.78 กิโลเมตร เทียบกับ “หงส์แดง”ที่วิ่งไป 110.6 กิโลเมตร ส่วนสถิติวิ่งสปรินท์“ผีแดง” ซัดไป 155 ครั้ง มากกว่า ลิเวอร์พูล 50 ครั้ง
และมากกว่าเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ที่พวกเขาสปรินท์แค่ 60 ครั้งแบบไม่เห็นฝุ่น…!!!
เห็นได้ชัดว่า “หัวใจ” คือสิ่งที่ เทน ฮาก บรรจุเข้าไปในหัวของลูกทีมทุกคนในเกมนี้ แต่กับฝั่ง “หงส์แดง” เกมนี้ดูเหมือนจะเป็นตรงกันข้าม…
ในช่วงเวลาที่การออกสตาร์ตฤดูกาลไม่เป็นไปอย่างที่คิด นักเตะ “หงส์แดง” หลายคนออกอาการ “เป๋” อย่างเห็นได้ชัด
และดูเหมือนว่า ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ “หัวใจ” คือสิ่งจำเป็นยิ่งกว่าการได้ตัวหลักกลับมาจากอาการบาดเจ็บ
ไม่ใช่ไม่สู้ แต่มันออกอาการ “หวั่นไหว” และนั่นคือสิ่งที่ คลอปป์ ต้องแก้ไขให้ได้เร็วที่สุด…
เครดิตภาพ : Getty Images