สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ว่าบริษัทโนวาแวกซ์ หนึ่งในผู้ผลิตด้านชีวเภสัชภัณฑ์ของสหรัฐ ประกาศเลื่อนกำหนดการยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการอาหารและยาแห่งชาติ ( เอฟดีเอ ) เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นกรณีฉุกเฉินวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากกำหนดการเดิมคือภายในไตรมาสที่สามของปีนี้ ออกไปเป็นภายในไตรมาสที่สี่ของปีเดียวกัน
ทั้งนี้ นายสแตนลีย์ เอิร์ค ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของโนวาแวกซ์ กล่าวถึงเรื่องนี้เพียงว่า "เกี่ยวข้องกับความสม่ำเสมอของกระบวนการผลิตวัคซีน" ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่เอฟดีเอใช้พิจารณาก่อนการอนุมัติ ขณะที่ราคาหุ้นของโนวาแวกซ์หลังปิดการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์ก ร่วง 7% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เอิร์คกล่าวว่า โนวาแวกซ์ได้ยื่นคำร้องขอขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้วในอย่างน้อย 3 ประเทศของทวีปเอเชีย ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ พร้อมทั้งการส่งข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดให้แก่องค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) เพื่อขอรับการพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินเช่นกัน ซึ่งจะเปิดทางในการเป็นพันธมิตรกับโครงการโคแวกซ์
ซีอีโอของโนวาแวกซ์กล่าวว่า การยื่นเรื่องต่อรัฐบาลของทั้งสามประเทศเป็นกลุ่มแรก และดับเบิลยูเอชโอ คือการให้ประเทศ "ซึ่งมีความจำเป็น" ได้มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพก่อน แม้เมื่อต้นเดือนนี้ โนวาแวกซ์และสหภาพยุโรป ( อียู ) บรรลุข้อตกลงซื้อขายวัคซีนล่วงหน้า "จำนวนสูงสุด 200 ล้านโดส"
สำหรับทั้งนี้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่โนวาแวกซ์พัฒนานั้น เป็นแบบโปรตีนซับยูนิต ใช้ชื่อในห้องปฏิบัติการว่า "NVX-CoV2373" นั้น "ให้ประสิทธิผลในภาพรวม 90.4%" โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ "หลายสายพันธุ์" ตามการเผยแพร่ข้อมูลสำคัญจากผลการทดสอบทางคลินิกระยะที่สาม เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ด้านการลดความเสี่ยงการติดเชื้อให้กับกลุ่มเสี่ยง พบว่าวัคซีนของโนวาแวกซ์สามารถป้องกันได้ 91% และเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 100% ในการป้องกันอาการป่วยปานกลางและรุนแรง แต่ลดลงเหลือ "ประมาณ 70%" ต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่โนวาแวกซ์ "ยังระบุไม่ได้" .
เครดิตภาพ : AP