เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ผ่านเพจ “กระทรวงสาธารณสุข” ว่า สถานการณ์กรุงเทพมีผู้ติดเชื้อระดับสูงและจะมีต่อไปอีกระยะการที่เราจะดูแลชุมชนได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งการแพทย์สาธารณสุขฝ่ายความมั่นคงภาคเอกชนรวมทั้งประชาชนทุกคน ในการก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ไปให้ได้ ตอนนี้ทั่วโลกมีการระบาดรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง มีการติดเชื้อมากกว่า 6 แสนคนต่อวัน รวมติดเชื้อสะสมกว่า 198 ล้านราย ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก คาดว่าอีกไม่กี่วันจะมีการติดเชื้อแตะ 200 ล้านราย ตัวเลขผู้เสียชีวิตมากขึ้น รวมถึงเพื่อนบ้านไทย และประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยติดเชื้อ 1.7 หมื่นราย มีการส่งผู้ป่วยกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนาแล้ว 5 หมื่นราย ทำให้ยอดติดเชื้อในภูมิภาคมีเยอะขึ้น แต่ไม่ได้แพร่เชื้อเพราะเมื่อส่งกลับแล้วเข้าสู่ระบบการดูแลใน รพ. และการดูแลที่บ้าน หรือในชุมชน ทั้งนี้ ขณะนี้การดูแลผู้ป่วยในระบบสาธารณสุขเกือบ 2 แสนคน สถานการณ์ในรายสัปดาห์ ยังทรงๆ อย่างไรก็ตาม การให้การรักษา ท่านนายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้ สธ.ให้ยาฟาวิพิราเวียร์เร็วที่สุด โดยขณะนี้มีการสำรองยาในเดือน ส.ค.จำนวน 40 ล้านเม็ด เดือน ก.ย. 40 ล้านเม็ด ถือว่ามากพอสมควร ขณะนี้ได้ส่งกระจายไปภูมิภาคเพื่อสำรองอยู่แล้ว คนไข้ไม่ว่าจะอยู่ใน รพ. และระบบการดูแลตามบ้าน ระบบการดูแลในชุมชน มีโอกาสได้รับยา จะทำให้การรักษาสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้น ลดการป่วยหนัก และเสียชีวิต พร้อมกับมาตรการการฉีดวัคซีนได้
ขณะนี้เรามีเตียงดูแลผู้ป่วยปกติ กว่า 1 แสนเตียง ปัจจุบัน มีการปรับเตียงและทำเพิ่มเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 รวม 1.35 แสนเตียง เฉพาะ กทม. 4 หมื่นเตียง รวมทั้งประเทศ 1.7 แสนเตียง ใช้ทั้งหมด 80% กทม. 90% สถานการณ์และแนวโน้มที่ต้องใช้บุคลากร ไม่สามารถจะเพิ่มเตียงได้มากกว่านี้ แต่คำตอบหนึ่งคือการเชื่อมระบบสาธารณสุข ให้ผู้ป่วยอยู่ที่บ้าน และชุมชน หากอาการมากขึ้นก็ส่งเข้า รพ.ต่อไป เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการใช้ชุดตรวจเร็ว ทำให้ดักจับผู้ติดเชื้อในชุมชนได้มากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่อยากให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสม โดยมีทีม CCRT เข้าไปดูแลในชุมชนด้วย ทั้งเรื่องการรักษาพยาบาล และการฉีดวัคซีนในกลุ่มเปราะบาง
ด้าน นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันที่ 4-10 ส.ค. นี้ จะมีบุคลากรสาธาณรสุขในภูมิภาค ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอดทน และมีประสบการณ์ในการทำงานในพื้นที่ยากลำบาก ให้เข้ามาร่วมทีม CCRT ราวๆ 500 คน เพื่อทำงานเชิงรุกในพื้นที่ กทม. ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. 69 แห่ง โดยร่วมทำคัดกรองด้วย ฉีดวัคซีน โดยทีมที่เข้ามาร่วมมือปฏิบัติงานจะช่วยประมาณ 6-7 วันและสับเปลี่ยนทีม ตั้งเป้าว่าจะสามารถปฏิบัติการตรวจคัดกรองเชิงรุกได้กว่า 4-5 แสนราย และแยกผู้ป่วยได้อย่างน้อย 7-8 หมื่นราย จะทำให้ผู้ป่วยที่อาการเปลี่ยนแปลงไปเป็นสีเหลือง หรือสีแดงได้รับยาครบถ้วน ขณะเดียวกันยังมาช่วยเสริมทีมฉีดวัคซีนให้ด้วย.