เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 29 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์พิเศษเผยแพร่ทางเพจไทยคู่ฟ้า ถึงการประชุมทีมเศรษฐกิจเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันมีประเด็นสำคัญในการพูดคุยอะไรบ้าง ว่า รัฐบาลมีหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจความมั่นคงและสาธารณสุขโดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พูดคุยกับคณะทำงานทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภูมิภาค ในประเทศรอบบ้านในทุกมิติว่าเราจะเดินหน้าเศรษฐกิจของประเทศเราและเด็กหน้าแก้ปัญหาต่างๆอย่างไร ขณะนี้เรามีสถิติการส่งออกเพิ่มมากขึ้นในหลายกิจกรรมและหลายกิจการด้วยกัน ฉะนั้นในการหารือจึงเป็นการหารือว่าจะทำอย่างไรให้มีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้นทั้งตลาดในต่างประเทศ ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆทั้งในเรื่องการนำเข้าส่งออก รวมถึงพูดคุยกับสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่าเราเห็นใจประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 จึงได้สอบถามสำนักงบประมาณว่ามีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ ซึ่งสำนักงบประมาณรายงานว่ายังมีงบประมาณอยู่เพียงพอ โดยได้มีการใช้งบประมาณก้อนแรกไปแล้ว 1 ล้านล้านบาท เหลือประมาณ 2,000กว่าล้านบาท แต่งบประมาณรอบใหม่ 5 แสนล้านบาทที่กู้มายังไม่ได้ใช้ ตนจึงบอกว่าให้เตรียมมาตรการเหล่านี้ให้พร้อม ทั้งมาตรการเดิมที่มีอยู่และมาตรการใหม่ โดยอาจจะต้องมีการพุ่งเป้าลงไปในบางกิจการ หรือบางกลุ่มเป็นพิเศษให้ทั่วถึง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ยังมีการพูดคุยถึงความคืบหน้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ตอนนี้เป็นผลดีในเรื่องของการท่องเที่ยว รวมถึงพื้นที่อื่นๆด้วยที่มีการเปิดโครงการไปแล้ว ซึ่งตอนนี้สถานการณ์ยังคงดีอยู่ แต่ก็จะต้องหารือกันต่อไปว่าจะขยายอย่างไรให้เพิ่มมากขึ้น แต่ประเด็นสำคัญคือจะต้องมีการฉีดวัคซีนภายในพื้นที่ที่จะไปต่อ และมีมาตรการรองรับในเรื่องการตรวจสอบคัดกรอง เพราะดูจากสถานการณ์ที่ผ่านมาจากผลการตรวจสอบการติดเชื้อต่างๆ ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่อยู่ในกำหนด ก็จะต้องมาดูต่อว่าจะทำอะไรให้ง่ายกว่านี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก แต่อย่างไรก็ตามจะต้องปลอดภัยทั้งคนไทยและคนต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาจึงจะต้องมีการหารือกันต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเรื่องความต้องการของวัคซีนที่จะต้องเพิ่มเติมในส่วนของภาคธุรกิจ นักธุรกิจ เจ้าของโรงงานแม้กระทั่งแรงงาน ที่มีการดำเนินไปแล้วทั้งมาตราในม.33 ม.39 และม.40 สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้คือทำอย่างไรที่จะไม่ให้ภาคการผลิตเสียหายในโรงงานต่างๆ เพราะขณะนี้โรงงานทั้งหลายจะต้องปิด เพราะเกิดการแพร่ระบาดจึงต้องมองดูว่าเราจะแก้ปัญหานี้ อย่างไรวันนี้หลายโรงงานร่วมมือจัดโรงงานสนามอยู่ในโรงงานซึ่งการพูดคุยเป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้าและเป็นการแก้ปัญหาในปัจจุบันด้วย