นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ดีป้า ได้ดำเนินโครงการคัดเลือกสุดยอดสินค้าดี สินค้าเด่นของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ของไทย มีโอกาสเปิดตลาดใหม่ในแถบตะวันออกกลาง ด้วยการนำสินค้า ไปจำหน่ายและแจกเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับ ผู้เข้าชมอาคารแสดงประเทศไทยในงาน “เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ” เพราะผู้เข้าชมงานกว่า 74 % เป็นกลุ่มผู้ซื้อหลัก ของตลาดดูไบและตะวันออกกลาง ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพ และได้รับมาตรฐานการส่งออกจำนวนกว่า 200 ราย
 
“ปัจจุบันได้ทำการคัดเลือกสุดยอดสินค้าไทยที่ผ่านหลักเกณฑ์และมาตรฐานด้านความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ เป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย และมีเอกสารรับรองสำหรับการส่งออกครบถ้วนแล้ว จำนวน 250 รายการ โดยแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มผลิตภัณฑ์หัตถกรรมฝีมือคนไทย 2. กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สปา และเครื่องสำอาง 3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก 4. กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ และ 5. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานและเครื่องดื่ม สำหรับสุดยอดสินค้าจากโครงการสินค้าดี สินค้าเด่นของไทยทั้งหมด รวมทั้งผลิตภัณฑ์ จากโครงการหลวงจะจัดจำหน่ายบริเวณชั้นล่างของอาคารแสดงประเทศไทย ณ ร้านของที่ระลึก Thai Souk โดย ดีป้าได้คัดเลือก บริษัท เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด บริษัทของคนไทยที่มีความเชี่ยวชาญ และชำนาญด้านการจัดแสดงสินค้า ในประเทศแถบตะวันออกกลางบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าว” นายณัฐพล กล่าว

ด้าน นายอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด ในฐานะ รองประธานสภาธุรกิจไทยในดูไบและรัฐตอนเหนือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำเสนอสินค้าและบริการของผู้ประกอบการไทยในเวทีระดับโลก อาทิ อัญมณีเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ไม้ อาหารทะเลแปรรูป รวมถึงสินค้าใหม่ที่มีโอกาสสร้างตลาดในดูไบและตะวันออกกลาง เช่น งานหัตถกรรมฝีมือคนไทย สปาและเครื่องสำอาง สินค้าของที่ระลึก ฯลฯ ซึ่งงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 64 – 31 มี.ค. 65 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

“สินค้าและบริการของประเทศไทยยังคงได้รับความนิยมและชื่นชอบจากชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพราะคุณภาพดี ราคาไม่แพง อีกทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าสุขภาพเป็นจำนวนมาก จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะใช้งานนี้ แสดงศักยภาพสินค้าไทย ที่มีคุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่าสากล ซึ่งมั่นใจว่า สินค้าของไทยจะได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก”