กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่หลายคนสนใจอย่างมากมายสำหรับเรื่องราวของราชินีนักบู๊ของเมืองไทยอย่างสาว เปิ้ล จารุณี ที่ล่าสุดมาเล่าในรายการคุยแซ่บ Show ถึงเรื่องสุดช้ำใจที่โดนคนในครอบครัวกระทืบ จนต้องพักรักษาตัวนานเกือบเดือน รับเคยคิดน้อยใจชะตาตัวเองที่เป็นแบบนี้อีกด้วย
เปิ้ล เผยว่า “เรื่องไม่นานมานี้ถูกทำร้ายร่างกาย อันนี้เป็นเรื่องรันทดที่สุดในชีวิต ถูกทำร้ายร่างกาย เป็นคนใกล้ชิดเป็นคนในครอบครัว ซึ่งเราดูแลเขามาตั้งแต่ข้าวเม็ดแรก เราไม่คิดว่าวันนึงเราจะมาถึงที่ถูกกระทืบๆ พี่ทำงานไม่ได้ มันเป็นคดีอาญา ป่วย 22 วัน เราต้องขอลาละคร ส่งแผล ผลการตรวจต่างๆให้ดู คือเราถูกกระทืบบนอกบนลิ้นปี่ เราไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ป้องกันตัวเองได้ โดนตามตัว แรกๆ ที่โดนก็ยังพอเดินได้ แต่พอเราขับรถจากต่างจังหวัดมากรุงเทพก็ไม่ไหวค่ะ เลยต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ทานอาหารไม่ได้ทานแล้วอาเจียน ก็ไปส่องกล้องมีผลในกะเพาะเลือดออก 8 จุดค่ะ ก็ทำการรักษาเรื่องราวต่อเนื่องมาเป็นปีค่ะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราเจอกันแบบธรรมดา แต่เราตะโกนทัก คำที่เขาตอบกลับมาเรียกเราว่ามัน ขอไม่พูดว่าเป็นใครยังไง เราก็ตกใจเราบอก ทำไมละมึง เขาพูดกับเราอย่าไปพูดกับมัน เราตอบกลับไปทำไมละมึง จากนั้นเขาอยู่ท้ายรถจากรถเข้ามาเรา พร้อมกับคำพูดที่ว่าขอทีเดียว เรายังติดสายอยู่ถือโทรศัพท์อยู่เลย เขาเป็นผู้ชาย เขาบอกว่าเราหาเรื่อง แล้วก็ตะโกนด่าเขามากมาย เขามีพยานเท็จเป็น 10 กว่าคน มันเป็นร้ายก๋วยเตี๋ยวด้วย เขาบอกว่าเราหาเรื่องเขาก่อน ถ้าเราจะไปทำเขาก่อน มันเป็นไปไม่ได้เพราะพี่โทรศัพท์อยู่กับหุ้นส่วน พอพี่โดนเราเอามือยันอัตโนมัติ แล้วโทรศัพท์หล่นแต่โทรศัพท์ไม่ได้ถูกตัด พี่มีพยานคนเดียว ไม่งั้นพี่ไม่มีเส้นสายที่ไหนเจอพยานเท็จเข้าไป 11 คน พี่ต้องตายแน่ๆ พี่ผ่านตรงนั้นมาด้วยความรู้สึกร้าวราน”
“ปมที่เกิดขึ้น เรื่องนี้มันอาจจะยาวนานมาในจิตใจของเขา เพราะความต่างของอายุต่างกันรอบนึง 12 ปี เขาก็จะถูกโอบอุ้มดูแลในครอบครัว เราทำงานนอกบ้าน ความผูกพันในบ้านเฉพาะวันไหนที่ได้หยุด คือน้อยมาก มันก็กลายเป็นอีกกันข้างหลังแล้วเราก็โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวทำงาน สรุปได้ว่ามันเป็นเรื่องผลประโยชน์ ก่อนหน้าที่เราจะถูกทำร้าย เราเคยผลักเขาออกไปได้ เพราะเขาดื่มเบียร์ วันนั้นที่เขาจะทำร้ายเรา อีกคนนึงเราเลี้ยงดูมาเหมือนกันตั้งแต่ข้าวเม็ดแรก ปัจจุบันคนนี้ทำให้เราไม่กล้าเข้าบ้าน เพราะเราได้ยินจากกล้องวงจรปิดว่า ถ้าเขาจะทำ เขาไม่ทำเหมือนอย่างเดิมนี่หรอกจะเอาให้โดดเดี่ยวเลย จะเอาให้มันเป็นอัมพาต นี่คือคนที่เราเลี้ยงเขามาตั้งแต่ข้าวเม็ดแรกนะ เราไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไงค่ะ แต่ตำพูดของเขาได้ผลคือเราไม่กล้าเข้าบ้านอีก เราก็ต้องอยู่ให้ได้คนเดียว”
เปิ้ล เล่าต่อว่า “เราทำงานตั้งแต่อายุ 12 พอที่บ้านไม่ให้เรียนแต่เราอยากเรียน ในเวลาเดียวกันเราเห็นที่บ้านลำบาก ก็ยังตัวเล็กกะจองอแแงกันอยู่ เราก็เริ่มหางานทำ ที่ให้ได้เงินมากขึ้น แล้วมาเจอข่าวรับนักแสดง เราก็เอาเพราะคิดว่ารายได้ดีกว่าแบกปูน สมัครเป็นแบบเตะต่อยไป รอบแรกเขาก็ไม่ได้เลือก แต่เขาก็ไปรื้อใบสมัครมาดู เราก็ถูกเรียกไป ตอนนั้นอายุ 14-15 ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว ไม่แค้นค่ะ เสียใจอยู่แล้ว เป็นเราระวังตัวมากกว่า เพราะเขาขู่อาฆาตเราอยู่เพราะมันเป็นเรื่องครอบครัวไงค่ะ คำตัดสินของพี่จบแล้วโดยผู้ที่ทำร้ายเรา ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าเรามีอะไรบ้าง เขาพยายามเอาพรรคพวก ได้พยานเต็มเลย ใส่ความเรามา พอไปถึงศาลเรามีคลิปวีดีโออยู่ชายคาบ้าน ว่าเรายืนนิ่งๆ เฉยๆ แล้วคุณแถเข้ามา ด้วยหลักฐานที่เรามีพร้อม เลยจบด้วยรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ก็ชดใช้ ไม่มีการขอโทษไม่มีการไหว้ เขาบล็อกเรากันหมด เขาตัดเรา”
“ตอนนี้อโหสิกรรมให้คนในครอบครัวไหม อโหสิหมดเลยค่ะ แต่เรายังกลัวกับคำที่เขาพูดอาฆาตไว้ มีแค่เรื่องระวังตัวอย่างเดียว เรื่องอาฆาตแค้น เราให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม เราไม่ได้เป็นฝ่ายทำเขา เขาเป็นฝ่ายตัดเรา เคยน้อยใจในโชคชะตาเคยค่ะ เพราะว่าเรื่องของพี่แปลกๆ ทั้งนั้น แปลกจนเรารู้สึกว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นหาคำตอบไม่ได้ เราก็ไปโทษเรื่องกรรม ทำงานมานานมีเงินเก็บทั้งหมด 60,000 บาท ใช่ทั้งหมดเลยค่ะ พอเราหมดแล้วโรงหนังถูกทุบ พอเราไม่มีสังกัดเราเหลือเงิน 60,000 ทำงานมา 13 ปี แต่เราก็ทุลักทุเลกันมาตลอด พอเราขอเก็บเงินเอง พอมาเล่าตอนนี้บางคนอาจจะมองว่าทำไมโง่นานขนาดนี้”